ศจีตีคดี : ยังไม่สรุปดำเนินคดี กะเทยไทย-ฟิลิปปินส์

View icon 64
วันที่ 6 มี.ค. 2567 | 07.09 น.
สนามข่าว 7 สี
แชร์
สนามข่าว 7 สี - เหตุทะเลาะวิวาทสุดเดือด ระหว่างกลุ่ม LGBTQ+ หรือ กะเทยชาวไทย และชาวฟิลิปปินส์ แม้จะสงบแล้ว แต่เรื่องยังไม่จบ โดยเฉพาะคดีความที่ตอนนี้ตำรวจ ยังอยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบตัวบุคคล ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะต้องเอาผิดกี่คน ข้อหาไหนบ้าง และที่เกิดคำถามคำโต ๆ เหตุการณ์วิวาทครั้งนี้ยังสะท้อนปัญหาที่ซุกไว้ใต้พรมหรือไม่

ไล่เรียงจากช่วงกลางวัน ที่กลุ่มเพื่อน "กะเทย" คนไทย ออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชน ยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่มีคนไทยคนไหนนัดหมายให้ไปทะเลาะวิวาท แล้วก็มีข้อสงสัยว่าทำไมคนกลุ่มนี้ มาทำอะไรกันแน่ในเมืองไทย จะมาเที่ยว หรือมาทำงาน ซึ่งถ้าเข้ามาแล้วรวมแก๊ง ยึดพื้นที่ลักลอบทำงานทั้งที่ถือวีซานักท่องเที่ยว ประเด็นนี้ตำรวจควรบังคับใช้กฎหมายเข้มงวดมากกว่านี้หรือไม่

อย่าง "ไวน์" ที่เป็นผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์แรกช่วงประมาณ 05.00 น. ของวันที่ 4 มีนาคม ยืนยันว่าตนเอง ถูกคู่กรณีหาเรื่อง ยั่วยุ ถลกกระโปรงเห็นกางเกงชั้นในให้ดู ยั่วยุ ทำให้มีปากเสียงตั้งท่าจะทำร้ายกัน แต่ไม่ได้ลงมือ ได้พากันไปพูดคุยเคลียร์ปัญหาที่โรงพัก

แล้วกลับมามีเรื่องกันอีกรอบ เพียงเพราะบังเอิญกลับมาเจอคู่กรณีกลุ่มเดิม ที่ไปกินข้าวร้านเดียวกัน จนเป็นเหตุให้ถูกล้อมรุมทำร้าย แล้วนำเรื่องนี้ไปเยาะเย้ยถากถาง

ที่น่าจะเป็นชนวนเหตุให้กลุ่มกะเทยไทย ไปรวมตัวกันจริง ๆ น่าจะเป็นเพราะอีกฝ่าย เป็นคนโพสต์ ข้อความขึ้นมาเอง ทำนองว่าหากต้องการนัดเคลียร์ปัญหาก็ให้ไปเจอกันตอน 20.00 น.ใครต่อใครจึงพากันไปสังเกตการณ์โดยไม่ได้นัดหมาย ซึ่งจริง ๆ ตนเองอยู่ในจุดนั้นได้ไม่นาน ก็ต้องไปที่สถานีตำรวจ เพราะถูกเรียกไปให้ปากคำ ไม่ทันอยูในช่วงที่มีเหตุชุลมุน

ถ้าพูดถึงเรื่องคดีของตนเอง รู้แค่ว่าอีกฝ่ายมีคนก่อเหตุไม่ต่ำกว่า 10 คน หลังเกิดเหตุมีทรัพย์สินสูญหาย จึงต้องให้ตำรวจดำเนินคดีตามความเป็นจริง ส่วนที่อีกฝ่ายจะเข้ามาทำอะไรในไทย ตนเองก็ไม่สามารถยืนยันได้ แต่เห็นว่ามีล่ามแปลภาษา ถอดคำพูดบอกกับสื่อมวลชนไปแล้ว

"ทนายไพศาล" ที่ตามไปดูแลเรื่องคดีให้ผู้เสียหาย ก็ยืนยันว่า ตำรวจไม่ควรปล่อยผู้ต้องหาไปง่าย ๆ เพราะดู ๆ แล้วมีความผิดหลายข้อหา

มีข้อมูลรายงานข่าวว่าหลังเกิดเหตุทะเลาะวิวาท กลุ่มกะเทยชาวฟิลิปปินส์ เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว 8 คน ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างตรวจสอบ ส่วนภาพที่กลุ่มคู่กรณีเดินทางออกจากโรงแรม ทราบว่าเป็นการย้ายสถานที่พัก เพื่อความปลอดภัย

ขณะที่หนึ่งในกะเทยฟิลิปปินส์ได้ไลฟ์ขอความความช่วยเหลือจากสถานทูต อ้างว่า ถูกกะเทยไทยรุมทำร้ายทั้ง ๆ ที่อยู่ต่อหน้าตำรวจไทย เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม

นอกจากเรื่องทางคดีแล้ว อีกเรื่องที่ต้องพูดถึงก็คือความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการทะเลาะวิวาท อย่างที่โรงแรมแห่งนี้ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ ก็เปิดภาพวงจรปิดให้ดู ชี้ให้เห็นว่าที่เสียหายมีทั้งลิฟต์ ทั้งระบบเซ็นเซอร์อัตโนมัติ ไหนจะพนักงานที่ถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บ และรถจักรยานยนต์ของพนักงานที่พังเสียหาย ที่ได้แต่ให้ประกันเข้ามาประเมินรวบรวมสภาพความเสียหายไว้ เพื่อรอเรื่องชดใช้ทางคดี

เมื่อคืนทีมข่าว 7HD ลงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุซอยสุขุมวิท 11/1 อีกครั้ง พบเหตุการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ทั้งโรงแรม ร้านค้าร้านอาหาร และร้านนวดแผนไทย เปิดให้บริการตามปกติ แต่เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการบางราย อย่างที่ร้านนวดแผนไทย ได้รับความเสียหายจากในวันเกิดเหตุ เจ้าของร้านบอกว่า เข้าใจไม่ได้มีใครตั้งใจทุบทำลายข้าวของ หลังเกิดเหตุมีคนโอนเงิน 10,000 บาท จ่ายค่าเสียหายให้แล้ว และตั้งแต่เกิดเหตุไม่มีลูกค้ามาใช้บริการทำให้ขาดรายได้

ขณะที่ช่วงค่ำวานนี้นอกจาก นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงตรวจสอบแถวถนนสุขุมวิท 11 เผยว่ายังไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่มีข้อมูลคนไทยถูกแย่งงาน เช่น หาบเร่แผงลอย ขายน้ำผลไม้ ลักษณะมีนายทุนจ้างแรงงานต่างชาติทำหน้าที่ขาย ซึ่ง กทม.จะเข้าไปจะจัดระเบียบ

เช่นเดียวกับตำรวจกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ร่วมกับตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจ สน.ลุมพินี ลงตรวจถนนสุขุมวิท ตั้งแต่ซอยนานา จนถึงซอยสุขุมวิท 11 เพื่อสแกนชาวต่างชาติที่มีพฤติการณ์สุ่มเสี่ยงกระทำผิดกฎหมายทั้งยาเสพติด และลักลอบทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตแต่ยังไม่พบ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง