สุดทน! เพื่อนบ้านมหาภัย ราวีไม่หยุด แจ้งความ 8 ครั้ง แต่ถูกปล่อยตัว

View icon 120
วันที่ 9 มี.ค. 2567 | 05.33 น.
สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์
แชร์
สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - เมื่อพูดถึงเพื่อนบ้าน ถ้าใครเจอเพื่อนบ้านดี ก็มีความสุขไป ส่วนใครเจอเพื่อนบ้านไม่ดี ก็ต้องอยู่อย่างทุกข์ระทมเหมือนข่าวนี้ มีคนมาร้องขอให้ช่วยเหลือ เพราะมีเพื่อนบ้านมหาภัย เฝ้าแต่จะทำร้ายให้เสียทรัพย์ไม่เว้นวัน

จากภาพเหตุการณ์ ถ้าอ้างว่าไม่ได้ตั้งใจ แค่จะถอยรถเฉย ๆ ก็คงเป็นไปได้ยาก นี่เป็นเพียงเหตุการณ์ส่วนหนึ่งที่เจ้าทุกข์ต้องพบเจอ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านดอนเมือง กรุงเทพฯ

วานนี้ (8 มี.ค.) ผู้เสียหายเดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมที่สายไหมต้องรอด ระบุว่า ก่อนหน้าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ผู้ก่อเหตุเคยเป็นเพื่อนบ้านที่ดีคนหนึ่ง กระทั่งเขามาชวนน้องชายตนไปทำงานด้วย แต่ถูกปฏิเสธ จึงขอเลี้ยงข้าว 1 มื้อ น้องชายตนก็ไปแบบไม่ได้คิดอะไร ซึ่งมื้อนั้นผู้ก่อเหตุหมดเงินไป 50,000 บาท อีกทั้งยังให้เงินสดมาอีก 5,000 บาทด้วย

แต่หลังจากไปกินข้าวกันแล้ว วันรุ่งขึ้นอีกฝ่ายกลับส่งข้อความมาในกลุ่มแช็ตหมู่บ้าน กล่าวหาว่าพวกตนเอาเงินไป 50,000 บาท หากไม่ชดใช้เป็นเงิน ก็ต้องทำงานด้วยกัน ซึ่งพวกตนก็ต่อรองว่าจะคืนเงินตามจำนวนที่รับมาเท่านั้น ถึงแม้คู่กรณีจะรับเงินไปแล้ว แต่ก็ยังตามราวีไม่เลิก จนตนต้องไปแจ้งความที่ สน.ดอนเมือง ถึง 8 ครั้ง กว่าตำรวจจะจับกุมตัวไปฝากขังที่ศาลได้ แต่อยู่ในลูกกรงได้เพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น ก็ถูกญาติไปประกันตัวออกมา จากนั้นอีกฝ่ายก็น่าจะมาแก้แค้น โดยถอยรถกระบะชนรั้วหน้าบ้านตนตามคลิปที่เปิดไป ทำให้ตนและน้องชายรู้สึกไม่ปลอดภัย

ทั้งนี้ ทีมสนามข่าวลงพื้นที่บ้านผู้ก่อเหตุ แต่ไม่มีใครอยู่บ้านเลยสักคน มีเพียงข้าวของบางส่วนที่ถูกวางไว้หน้าบ้าน ก่อนจะทราบว่าเขาหลบหนีไปอยู่บ้านญาติที่ประกันตัวย่านลาดพร้าว

เมื่อทีมข่าวไปถึงลาดพร้าว ปรากฏว่าอีกฝ่ายกำลังอาละวาดกวัดแว่งมีดดาบไล่ผู้สื่อข่าว จนคนรอบบริเวณเริ่มหวาดกลัว จึงประสาน สน.วังทองหลาง ให้เข้ามาควบคุมสถานการณ์ ซึ่งอีกฝ่ายก็มีท่าทีขัดขืน และจะยอมให้สัมภาษณ์ก็ต่อเมื่อปลดกุญแจมือ หาที่นั่งเย็น ๆ ให้ตนเท่านั้น 

ในขณะที่ญาติผู้ก่อเหตุ เปิดใจกับทีมข่าวว่า หลานชายตนมีความเครียดเยอะทั้งเรื่องเงิน ครอบครัว และสุขภาพ ทั้งยังมีคดีอยู่ในชั้นศาลอีกด้วย และก่อนประกันตัว ตนก็ให้ช่วยตรวจดูว่ามีอาการทางจิตหรือไม่แล้ว พบว่าทุกอย่างปกติ จึงต้องประกันตัวออกมา ซึ่งตอนนี้รู้สึกผิดมาก

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตนรู้สึกดีขึ้นเมื่อทราบว่าตำรวจได้จับกุมตัวหลานชายไปแล้ว เพราะจะได้พาไปรับการบำบัด และไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง