หนุ่มเจ้าของเต็นท์รถ เตรียมจ้างทนายฟ้องพยาบาลสาวคนสนิท

หนุ่มเจ้าของเต็นท์รถ เตรียมจ้างทนายฟ้องพยาบาลสาวคนสนิท

View icon 138
วันที่ 13 มี.ค. 2567 | 09.58 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
หนุ่มเจ้าของเต็นท์รถ เตรียมจ้างทนายฟ้องพยาบาลสาวคนสนิท หลังหลอกให้รัก ก่อนออกอุบายตุ๋นเงิน สูญเกือบ 40 ล้าน
   
จากกรณี นายวาสิตย์ อายุ 63 ปี เจ้าของเต้นท์รถยนต์มือสอง นำเอกสารพร้อมหลักฐานการโอนเงินเดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.อ.อภิศักดิ์ โชติกเสถียร ผกก.สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี กรณีถูกเพื่อนสาวคนสนิทอายุ 39 ปี ซึ่งมีอาชีพเป็นพยาบาล สังกัดอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งย่านถนนพัฒนาการ ออกอุบายนำสำเนาบัตรประชาชนของเพื่อนร่วมงาน จำนวน 680 คน มามอบให้ โดยอ้างว่า เพื่อนร่วมงานต้องการหยิบยืมเงิน ซึ่งแต่ละคนต้องการใช้เงินคนละประมาณ 30,000-60,000 บาท โดยมีการโอนเงินกันตั้งแต่ปี 2563 จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ปี2567 ซึ่งนายวาสิตย์ ไม่ได้คืนเเม้เเต่บาทเดียว ด้านพยาบาลสาวไหวตัวทันชิงลาออกจากงาน และติดต่อไม่ได้ ทำให้สูญเงินรวมกว่า 38 ล้านบาท

นายวาสิตย์ ผู้เสียหาย กล่าวว่า เมื่อประมาณปี 63 มีผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งทำงานเป็นพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ได้เข้ามาตีสนิท จนกระทั่งมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน จากนั้นได้มาขอยืมเงิน เพื่อที่จะปล่อยกู้ โดยครั้งเเรกโอนไปให้พยาบาลสาว 500,000 บาท และต่อมาเขาก็โอนเงินคืนมาให้บางส่วน ครั้งที่สอง ก็เอาไปอีกหนึ่งล้านบาท แต่ก็มีการจ่ายคืนมาบางส่วน ซึ่งตั้งแต่ปี 63 ตนก็โอนให้เขาทุกเดือน โดยเขาบอกว่าแต่ละเดือนจะมีคนมาขอหยิบยืมเงินเพิ่มขึ้นตลอด รายละประมาณ 30,000-60,000 บาท รวมทั้งหมด 680 ราย 

โดยเขาจะใช้เอกสารสำเนาบัตรประชาชนและสัญญาเงินกู้ ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่าเป็นใครบ้าง มาส่งมอบให้กับตนเอง โดยเขาอ้างว่าเป็นของพนักงานของทางโรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่ ซึ่งยอดรวมขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 38 ล้านบาท ที่ผ่านมาได้มีการติดต่อพูดคุยกันมาโดยตลอด จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ตนเองได้เเจ้งกับพยาบาลสาวว่า ขณะนี้ยอดเงินสูงแล้ว ให้หยุดดำเนินการทุกอย่าง และขอให้ส่งมอบเงินคืนทั้งหมด

ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 29 ก.พ.ที่ผ่านมา เขาได้แจ้งกลับมาว่าไม่มีเงินจ่ายคืนให้เรา เพราะเอาเงินไปใช้จ่ายส่วนตัวหมดแล้ว ซึ่งเงินจำนวน 38 ล้านนั้นเป็นเงินทบต้น ทบดอก และเป็นเงินที่ตนเองเติมให้เขา ตอนที่เขาเอาไปให้เพื่อนร่วมงานยืม โดยเงินต้นทั้งหมดมีประมาณ 10 กว่าล้าน ตอนนี้หมดตัวเเล้ว ไม่สามารถติดต่อพยาบาลคนดังกล่าวได้เลย วันนี้ตัดสินใจเข้าแจ้งความ เพื่อต้องการดำเนินคดีกับพยาบาลสาวรายนี้ให้ถึงที่สุด และเรียกร้องทรัพย์สินทั้งหมดกลับคืนมา ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวตนเองใช้เวลาเก็บหอมรอมริบมาตลอดชีวิต ตอนนี้อายุ 63 ปีแล้ว คิดว่าจะเอาเงินไปใช้ในบั้นปลายชีวิต ตอนนี้อายุตนเองก็มากขึ้นทุกวัน คงจะหาเงินจำนวนนี้ไม่ได้อีกแล้ว สุดท้ายนี้อยากจะฝากไปถึงพยาบาลสาวว่า ให้รีบติดต่อกลับมาโดยด่วน เพราะถ้าเงียบหายไป ก็จะขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

ขณะที่ วันนี้ ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อเพื่อขอสอบถามขอเท็จจริงกับพยาบาลสาว แต่ไม่สามารถติดต่อได้ เนื่องจากปิดโทรศัพท์มือถือ โดยในช่วงบ่ายนี้จะเดินทางไปที่บ้านพักใน อ.บางบัวทอง เพื่อขอสอบถามข้อเท็จจริงอีกครั้ง

ด้านพ.ต.อ.อภิศักดิ์ โชติกเสถียร ผกก.สภ.ปากเกร็ด เปิดเผยว่า คดีนี้ผู้เสียหายกับพยาบาลสาวรู้จักกัน และให้เงินหญิงสาวไปออกเงินกู้มานานหลายปี โดยไม่มีการทำสัญญา มีแค่บัตรประชาชนคนที่อ้างว่าเป็นเงินกู้เท่านั้น ซึ่งคดีนี้ถือว่าเป็นคดีแพ่ง ไม่เข้าคดีฉ้อโกง ผู้เสียหายจึงประสงค์จะปรึกษาทนายความ เพื่อยื่นฟ้องต่อศาลโดยตรง ซึ่งวันนี้จะรวบรวมหลักฐาน เพื่อเข้าพบทนายความให้เร่งดำเนินการต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง