หนุ่มจีน vs สาวไทย ใครโกหก เอกภพลั่น! ต้องมีคนติดคุก

View icon 158
วันที่ 22 มี.ค. 2567 | 16.41 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - หนุ่มจีนแจ้งความจับสาวไทย กล่าวหาว่าสาวไทยขโมยบัตรเครดิตไปรูดซื้อทอง 32,000 บาท จนเป็นข่าวโด่งดัง พ่อหญิงไทยทราบข่าวว่าถูกแจ้งความดำเนินคดี จึงออกมาโต้ พร้อมบอกว่าสิ่งที่หนุ่มจีนออกมาให้ข่าว เป็นเรื่องโกหก แท้ที่จริงแล้วตนถูกพยายามข่มขืน

เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2567 เวลา ประมาณ 12.00 น. ชายชาวจีน อายุ 33 ปี มาแจ้งความที่ สภ.บางละมุง ว่า มีสาวไทยไม่ทราบชื่อและนามสกุล ซึ่งรู้จักผ่านแอปพลิเคชันหาคู่ โดยรู้จักที่กรุงเทพมหานคร ได้ประมาณ 6-7 วัน ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะชักชวนให้มาท่องเที่ยวที่เมืองพัทยา โดยพักภายในซอยเขาตาโล

ซึ่งระหว่างนอนพักในห้องพัก ได้มี SMS เข้ามาในโทรศัพท์มือถือ แจ้งว่ามีเงินสดจำนวน 32,815 บาท ถูกใช้ซื้อสร้อยคอทองคำ 2 ครั้ง ส่วนตัวหญิงสาวได้หายไป 

ล่าสุด สาวไทยที่ถูกกล่าวหาว่าขโมยบัตรเครดิตไปรูดซื้อทองรายนี้ ได้ออกมาโต้ข่าว พร้อมปฏิเสธว่า หนุ่มชาวจีนเป็นคนสั่งให้ตนนำบัตรเครดิตไปรูดทองให้เอง อีกทั้งตนยังถูกพยายามล่วงละเมิดทางเพศด้วย

เรื่องนี้ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และเป็นผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ต้องเข้ามาช่วยคลี่คลายคดี ว่า ใครกันแน่เป็นฝ่ายพูดโกหก และคนพูดโกหกจะต้องติดคุก 

สาวไทยที่ถูกกล่าวหา เธอเล่าว่า เธอรู้จักชาวจีนคนนี้จากแอปหาคู่แอปหนึ่ง ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม ก่อนที่จะมาคุยกันต่อใน WeChat ลักษณะคุยเป็นเพื่อน ไม่ใช่เชิงชู้สาว โดยฝ่ายชายอ้างว่าประกอบธุรกิจเปิดร้านปิ้งย่างที่พัทยา ตนก็เลยไปหา จากนั้นก็ชักชวนตนให้ไปดูร้านปิ้งย่างและเที่ยว

เช้าวันต่อมา ฝ่ายชายขอให้ตนเอาบัตรเครดิตไปรูดรับเงินสดที่ร้านทอง ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากร้านปิ้งย่าง พร้อมกำชับว่าให้รูดมา 30,000 บาท โดยให้รูด 3 ครั้ง ครั้งละ 10,000 บาท และให้เซ็นชื่อตนเป็นภาษาอังกฤษ ตนจึงไม่ได้คิดอะไร ที่ร้านทองได้ตรวจบัตรประชาชนตนแล้ว แต่ก็ยินยอมให้รูดเงิน ก่อนที่ตนจะได้เงินสดกลับมา 30,000 บาท 

เมื่อมาถึง ตนคืนบัตรเครดิตและเงินสด อยู่ดี ๆ ฝ่ายชายพยายามจะข่มขืนตน โดยตนก็ขัดขืนปฏิเสธ 

สักพักผ่านไปกว่าชั่วโมง ตนเลยจะขอกลับ ตนจึงเล่นมือถือที่เตียง ก่อนที่อยู่ดี ๆ ผ่านไป 10-15 นาที เขาจะเดินเข้ามากระชากมือถือตนพร้อมง้างมือจะตบตน และก็เดินลงบันไดไปชั้นล่าง ตนได้เดินลงมาที่ชั้นล่าง เพื่อจะตามเอามือถือคืน แต่ไม่พบฝ่ายชายอยู่ในร้าน พอเดินออกมาดูหน้าร้านก็ไม่เจอ ภายในร้านก็ไม่มีใครอยู่ และร้านรอบข้างก็ปิดไม่มีใครให้สอบถาม

หลังเกิดเหตุ ตนก็ไม่สามารถที่จะติดต่อฝ่ายชายได้อีกเลย เพราะไม่สามารถเข้า WeChat ได้ ซึ่งตนยังคงรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาตนไม่กล้าไปแจ้งความ เนื่องจากตนไม่มีพยานหลักฐานที่เพียงพอ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง