จีนประสบปัญหาอัตราการเกิดลดลงต่อเนื่อง 2 ปีติดต่อกัน ทำให้ทางการต้องกระตุ้นให้คู่แต่งงาน จัดพิธีอย่างประหยัด เพื่อเก็บเงินไว้สำหรับเลี้ยงดูลูกที่จะเกิดในอนาคต สหพันธ์เพื่อสตรีจีน ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐบาลจีน ที่ดูแลด้านสิทธิสตรี ตีพิมพ์บทความทางออนไลน์เมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยเรียกร้องให้ชาวจีนรุ่นใหม่งดการจัดพิธีแต่งงานอย่างหรูหราฟุ่มเฟือย แต่จัดพิธีแบบเรียบง่าย เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย
โดยที่ผ่านมา คู่แต่งงานชาวจีน มักใช้เงินจัดพิธีแต่งงานอย่างหรูหราฟุ่มเฟือย เฉลี่ยสูงถึง 1 ล้านบาท ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดรวมถึงการจัดพิธีในโรงแรมหรูหรา, เช่ารถหรู, จ้างช่างภาพชื่อดังระดับประเทศค่าตัวแพง และเชิญแขกมาร่วมงานหลายร้อยคน
อย่างไรก็ตาม ในระยะหลัง คู่แต่งงานหลายคู่เริ่มจัดพิธีแต่งอย่างประหยัดมากขึ้น โดยค่าใช้จ่ายจัดพิธีแต่งงานเฉลี่ยลดลงเหลือเพียงคู่ละ 30,000 บาทเท่านั้น และเน้นเชิญเฉพาะเพื่อนสนิทเท่านั้นมาร่วมพิธีแต่งงาน
สาเหตุที่รัฐบาลจีน เรียกร้องให้หนุ่มสาวรุ่นใหม่จัดพิธีแต่งงานอย่างประหยัดขึ้น เนื่องจากต้องการเพิ่มอัตราการเกิดของประชากรจีนให้มากขึ้น หลังจากอัตราการเกิดลดลงตลอด 2 ปีที่ผ่านมา จึงต้องการให้คนหนุ่มสาวเก็บเงินที่จะใช้จัดพิธีแต่งงานอย่างฟุ่มเฟือย เป็นทุนไว้เพื่อดูแลลูกที่จะเกิดในอนาคต
ทั้งนี้ หน่วยงานที่ค้นคว้าวิจัยด้านสาธารณะของจีน หรือ "ธิง แทงค์" เพิ่งเผยบทความวิจัยเมื่อเดือนที่แล้วว่า จีนเป็นหนึ่งในประเทศที่มีค่าใช้จ่ายในการดูแลเด็กเกิดใหม่สูงที่สุดในโลก ทำให้นาย "หลี่ เฉียง" นายกรัฐมนตรีของจีน ประกาศเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ว่า รัฐบาลจะดำเนินโนบายลดค่าใช้จ่ายในการคลอดบุตร และด้านการศึกษา และสนับสนุนการเลี้ยงดูบุตรในระยะยาว
