ตำรวจทางหลวงรวบแล้วคนขับรถพ่วงหัวร้อน 2 คัน ไล่ตบรถกระบะ แต่รถตู้ซวยโดนเฉี่ยวชนแทน รับไม่พอใจเสียงแตร และถูกกะพริบไฟใส่

ตำรวจทางหลวงรวบแล้วคนขับรถพ่วงหัวร้อน 2 คัน ไล่ตบรถกระบะ แต่รถตู้ซวยโดนเฉี่ยวชนแทน รับไม่พอใจเสียงแตร และถูกกะพริบไฟใส่

View icon 360
วันที่ 29 มี.ค. 2567 | 08.19 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
จากกรณีมีคลิปวิดีโอรถบรรทุกพ่วงขับขี่โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยตามที่ปรากฏในสื่อและโซเชียลมีเดีย เมื่อวันที่ 27 มี.ค.67 ที่ผ่านมา โดยมีมีข้อความว่า “อยากฝากให้รถบรรทุกรถพ่วงขับรถใจเย็นๆ กันได้ไหมคะจ่า ไม่รู้ว่าเขามีเรื่องอะไรกับกระบะกันมาก่อน แต่ใจคอจะเอาให้ลงข้างทางกันเลยเหรอคะ รถตู้พลอยซวยไปด้วยเลย อันตรายมากๆ ค่ะ เช้านี้เลย ตอน 6 โมงเช้าค่ะ น่ากลัวมาก เกิดแถวๆ เส้นไปวังน้อย สระบุรี”

ต่อมา พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล. จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.เอกนิรุจฒิ์ วันสิริภักดิ์ ผกก.1 บก.ทล. พร้อมด้วย พ.ต.ท.ปภินวิทย์ อุดมพร สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. นำตำรวจทางหลวงอยุธยาร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เร่งติดตามคนขับรถบรรทุกพ่วงมาดำเนินคดี

ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 28 มี.ค. 67 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัว นายธนู อายุ 40 ปี และ นางสุนทรี อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นผู้ขับขี่รถบรรทุกพ่วงทั้งสองคันที่ปรากฏในคลิปวิดีโอดังกล่าว มาพบพนักงานสอบสวน สภ. วังน้อย จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่า “ขับรถในลักษณะที่เห็นได้ว่าไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตหรือร่างกายของผู้อื่น” ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 43(8) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่า ตนเองได้ขับขี่รถบรรทุกลงมาจากถนนกาญจนาภิเษกตะวันออก มุ่งหน้าไปวังน้อย ระหว่างทางประมาณ 5 กิโลเมตร ได้มีรถกระบะคันที่ปรากฏในคลิปวิดีโอ ขับมาตีคู่ จากนั้นบีบแตร และกะพริบไฟใส่ ทำให้ตนเองไม่พอใจ จึงเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ภายหลังจากนั้นได้จอดรถ และเรียกประกันภัยมาดูแลรถตู้ที่มีการเฉี่ยวชน พร้อมทั้งขอโทษที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ยอมรับว่าตนเองใจร้อน และคุมสติไม่อยู่ จึงทำให้เกิดอันตรายกับพี่น้องประชาชน ตนเองยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา และขอสำนึกผิดในการกระทำนี้

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจหาสารเสพติดในร่างกาย ไม่พบแต่อย่างใด จึงได้ดำเนินคดีเกี่ยวกับการขับขี่โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น ทั้งนี้ขอฝากถึงพี่น้องประชาชนให้ใช้สติ และความระมัดระวังในการขับขี่รถ และควรตระหนักถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้ทางร่วมกัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง