สาวผวา! มิจฉาชีพสวมรอย ชื่อ-นามสกุล นาน 3 ปี เปลี่ยนชื่อหนี ก็ยังเปลี่ยนตาม

View icon 133
วันที่ 2 เม.ย. 2567 | 16.06 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - สาวโพสต์เตือนภัย ญาติห่าง ๆ ที่ไม่เคยเจอ เป็นมิจแท้ แต่เป็นมิจฉาชีพ สวมรอยชื่อ-นามสกุล มานานกว่า 3 ปี แม้เปลี่ยนชื่อหนี ก็ยังเปลี่ยนตาม แถมยังแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนด้วย

ทีมข่าวได้รับข้อมูลจากหญิงสาวท่านหนึ่งว่า ถูกมิจฉาชีพสวมรอยเอาชื่อและนามสกุล รวมถึงเลขบัตรประชาชน ไปใช้ก่อเหตุสารพัด ทั้งกู้เงินนอกระบบ สมัครงาน หลอกลวงผู้คน ซึ่งตัวเธอไม่ทราบมาก่อน กระทั่งช่วงปี 2564 มีพลเมืองดีทักมาบอกว่า มีคนนำชื่อ-นามสกุล และเลขบัตรประชาชนของเธอ ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองสุพรรณบุรี ทั้งที่ตัวเธออยู่กรุงเทพฯ

ครั้งนั้นมิจฉาชีพที่สวมรอยข้อมูลของเธอ แจ้งความว่า ถูกแฮกเฟซบุ๊กไปใช้หลอกลวงคนอื่น จึงโทรศัพท์ตักเตือนว่า อย่าแอบอ้างนำข้อมูลคนอื่นไปใช้แบบนี้อีก กระทั่งปี 2565 มิจฉาชีพคนเดิม สวมรอยข้อมูลส่วนตัวอีกครั้ง จึงเดินทางไปเจอตัวที่ สภ.เมืองสุพรรณบุรี ทำให้ทราบว่ามิจฉาชีพรายนี้เป็นญาติห่าง ๆ ที่ไม่เคยเจอกัน ตอนนั้นคู่กรณียอมให้บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะไม่ทำอีก

จนปี 2566 ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ของตัวเอง กระทั่งปีนี้ มิจฉาชีพคนเดิม เอาชื่อและนามสกุลใหม่ของตนเอง ไปแจ้งลงบันทึกประจำวันอีกครั้งว่า ถูกคนอื่นสวมรอยชื่อ-นามสกุล ทั้งที่ตัวเขาเองเป็นคนสวมรอย ส่วนตัวรู้สึกติดใจการทำงานของตำรวจ ทำไมถึงยอมให้มิจฉาชีพสวมรอยเป็นคนอื่น แจ้งความได้ง่าย ๆ แบบนี้ โดยตอนนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเอาผิดมิจฉาชีพที่ก่อเหตุมาต่อเนื่องนานถึง 3 ปี 

ทีมข่าวโทรไปสอบถามบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นมิจฉาชีพ โดยตัวเธอยืนยันว่าไม่ใช่มิจฉาชีพ แต่ถูกคนอื่นสวมรอยชื่อและนามสกุลของตัวเอง ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเข้าใจผิด

ขณะที่ ตำรวจ สภ.เมืองสุพรรณบุรี แนะนำให้เจ้าของชื่อและนามสกุลตัวจริง เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีกับมิจฉาชีพรายนี้ต่อไป