สหรัฐฯ จะไม่เข้าร่วมกับอิสราเอลในปฏิบัติการตอบโต้เพื่อล้างแค้นอิหร่าน

สหรัฐฯ จะไม่เข้าร่วมกับอิสราเอลในปฏิบัติการตอบโต้เพื่อล้างแค้นอิหร่าน

View icon 103
วันที่ 15 เม.ย. 2567 | 11.07 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
วันนี้ (15 เม.ย. 67)  สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เตือนไปยังนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ว่า สหรัฐฯ จะไม่เข้าร่วมกับอิสราเอลในปฏิบัติการตอบโต้เพื่อล้างแค้นอิหร่าน หลังอิหร่านส่งโดรนและขีปนาวุธกว่า 300 ลูก เข้าโจมตีอิสราเอล เพื่อแก้แค้นเหตุที่อิสราเอลโจมตีสถานกงสุลอิหร่าน ในกรุงดามัสกัส ของซีเรีย

นายจอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ แถลงว่า สหรัฐฯ จะยังคงช่วยเหลืออิสราเอลในการปกป้องตนเอง แต่สหรัฐฯ ไม่ต้องการทำสงครามกับอิหร่าน เพราะไม่ต้องการให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางตึงเครียดมากขึ้น ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีต่างประเทศและรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ต่างพูดคุยกับทางการซาอุดีอาระเบีย, ตุรกี, อียิปต์ และจอร์แดน ถึงความจำเป็นในการหลีกเลี่ยงไม่ให้สถานการณ์ลุกลามขยายวงกว้าง

ในการประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ เรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดทนอดกลั้นขั้นสุด พร้อมย้ำเตือนประชาคมโลกว่า การตอบโต้ใดใดที่มีการใช้กำลังนั้นถูกห้ามภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ โดยภูมิภาคตะวันออกกลางกำลังตั้งอยู่บนขอบเหว ประชาชนในภูมิภาคกำลังเผชิญกับอันตรายที่แท้จริงของความขัดแย้งเต็มรูปแบบ และขณะนี้เป็นเวลาที่จะต้องคลี่คลายและลดความรุนแรง

ขณะเดียวกัน กองทัพอิสราเอลเผยภาพขณะเครื่องบินขับไล่ยิงสกัดโดรนและขีปนาวุธที่อิหร่านยิงใส่อิสราเอล โดยอิสราเอล พร้อมความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ, อังกฤษ, ฝรั่งเศส และจอร์แดน สามารถสกัดโดรนและขีปนาวุธได้ถึง 99 เปอร์เซ็นต์ และมีจำนวนเล็กน้อยเท่านั้นที่เข้ามาในดินแดนอิสราเอลได้ โดยส่วนใหญ่ถูกระบบไอรอนโดม (Iron Dome) สกัดไว้ได้

ผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลางของ "สติมสันเซนเตอร์" (Stimson Center) หน่วยงานวิเคราะห์ด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ ระบุว่า การเผชิญหน้าทางทหารกันโดยตรงระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน เป็นการแสดงถึง "การเปลี่ยนผ่านกระบวนทัศน์" (paradigm shift) เพราะนับเป็นครั้งแรกที่อิหร่านเปิดการโจมตีโดยตรงในดินแดนอิสราเอล แต่อิหร่านเลือกโจมตีด้วยโดรนที่ช้าและบินต่ำ ทำให้อิสราเอลและสหรัฐฯ มีเวลาเตรียมตัวรับมือหลายชั่วโมง การโจมตีครั้งนี้จึงเหมือนเป็นเพียงการแสดง

ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านอิหร่านขององค์กรไม่แสวงผลกำไร "อินเตอร์เนชันแนล ไครซิส กรุ๊ป" (International Crisis Group) ของเบลเยียม วิเคราะห์ว่า แม้การโจมตีครั้งนี้จะแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของแสนยานุภาพระหว่างกองทัพอิหร่าน เทียบกับกองทัพอิสราเอล และชาติพันธมิตรอย่างสหรัฐฯ แต่ก็ยังมีภัยคุกคามจากสงครามเปิดที่กำลังปะทุขึ้นระหว่างคู่อริในตะวันออกกลาง ที่อาจลากสหรัฐฯ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และหากสงครามในฉนวนกาซา ซึ่งเป็นรากของความขัดแย้งไม่ยุติลง และการเผชิญหน้าระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านตึงเครียดขึ้น ดังนั้นจึงทำได้แค่รอเวลา ก่อนที่ทุกฝ่ายเข้าสู่สงครามภูมิภาคอย่างเต็มตัว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง