ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ศาลสั่งจำคุก 2 เดือน ปรับ 4,000 บาท ลูกชายรัฐมนตรี เมาแล้วขับรถหรูแหกด่านตำรวจ พร้อมสั่งพักใบขับขี่ 6 เดือน คุมประพฤติ 1 ปี โทษจำคุกให้รอการลงอาญา 2 ปี
จากกรณีชายอายุ 46 ปี ลูกชายของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแห่งหนึ่ง ดื่มสุราเมา แล้วขับรถชนแผงเหล็กล้ม และไม่ยอมให้ตำรวจจราจรที่ตั้งด่าน ทำการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ จึงต้องใช้เครื่องตรวจวัดเบื้องต้นแบบไม่สัมผัส จ่อใกล้ปากและจมูก วัดปริมาณแอลกอฮอล์ได้ 183 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ และยังมีอาการเมาโวยวาย ก่อนจะถูกควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ดำเนินคดี 2 ข้อหาคือ "ขับรถในขณะเมาสุรา หรือ ของเมาอย่างอื่น และฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานจราจร ที่สั่งให้มีการทดสอบว่าผู้ขับขี่ขับรถในขณะเมาสุรา หรือ เมาอย่างอื่น"
มีรายงาน ลูกชายของรัฐมนตรีช่วยคนดังกล่าว เป็นบุตรชายของ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ช่วงบ่ายที่ผ่านมา ทีมข่าวเย็นประเด็นร้อน ต่อสายไปยังเบอร์มือถือของ นายสันติ 4 ครั้ง แต่ว่าปิดเครื่อง รับฝากข้อความเสียง อย่างไรก็ตาม มีบางสื่อที่ต่อสายได้คุยกับ นายสันติ ก็อ้างว่ายังไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น
ล่าสุด วันนี้ข่าวเย็นประเด็นร้อน สอบถามทางโทรศัพท์ พันตำรวจเอก สัญญา อุบลวิรัตนา ผู้กำกับการ สน.ประชาชื่น เปิดเผยว่า หลังจากที่ผู้ต้องหาได้ดื่มน้ำ ใจเย็นลง มีสติมากขึ้น ก็ได้พูดคุยสอบปากคำตามกระบวนการ ซึ่งเจ้าตัวก็รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา โดยความผิดฐาน "เป็นผู้ขับขี่ขณะเมาสุรา" พนักงานสอบสวนจึงควบคุมตัวส่งฟ้องศาลแขวงพระนครเหนือไปเมื่อวานตอนเช้า
ศาลพิพากษาจำคุก 2 เดือน ปรับ 4,000 บาท รอลงอาญา 2 ปี พักใบอนุญาตขับขี่ 6 เดือน ส่วนความผิดฐาน "ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงาน" ที่ผู้ต้องหาไม่ยอมเป่าอุปกรณ์ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ข้อหานี้มีโทษปรับอย่างเดียว 4,000 บาท ได้สั่งปรับเป็นพินัย ที่โรงพักไปเรียบร้อยแล้ว
สำหรับโทษของข้อหาเมาแล้วขับ ปริมาณแอลกอฮอล์เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ และพักใช้ใบอนุญาตขับรถไม่ต่ำกว่า 6 เดือน
ส่วนการปฏิเสธเป่าวัดแอลกอฮอล์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 10,000-20,000 บาท ระงับใบอนุญาตขับรถไม่น้อยกว่า 6 เดือน และศาลสามารถสั่งพักใบอนุญาตขับรถ หรือ เพิกถอนใบอนุญาตขับรถ และสามารถยึดรถไว้ไม่เกิน 7 วัน แต่ถ้าเมาแล้วขับจนทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บ บาดเจ็บสาหัส เสียชีวิต ก็จะมีโทษจำคุกสูงขึ้น โทษปรับมากขึ้นตามลำดับ
