ปฏิบัติการล้างบางขบวนการหลอกลงทุนคริปโทฯ

ปฏิบัติการล้างบางขบวนการหลอกลงทุนคริปโทฯ

View icon 146
วันที่ 23 เม.ย. 2567 | 17.33 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ปฏิบัติการ “BLACK HAT” ล่าล้างขบวนการหลอกลงทุนคริปโทฯ ตรวจยึดทรัพย์สินกว่า 125 ล้าน เตรียมเฉลี่ยคืนผู้เสียหาย

วันที่ 23 เม.ย.67 พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.วรวัฒน์  วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., ตำรวจ สอท.2 ร่วมกับ นายวิทยา นีติธรรม ผู้อำนวยการกองกฎหมายและโฆษกประจำสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง แถลงข่าวปฏิบัติการ BLACK HAT ล่าล้างขบวนการหลอกลงทุนคริปโทฯ ตรวจยึดทรัพย์สินกว่า 125 ล้าน เพื่อเตรียมเฉลี่ยคืนแก่ผู้เสียหาย

สืบเนื่องจาก เมื่อปี 2566 ตำรวจไซเบอร์ได้รับแจ้งความจากกลุ่มผู้เสียหาย 5 คน ถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงให้ลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ Cryptocurrency หลอกผู้เสียหายลงทุน สร้างความเสียหายมากกว่า 530 ล้านบาท ต่อมาทลาย 2 เว็บพนันออนไลน์ เครือข่าย ufabet-jc และ play.beer777 พบยอดเงินหมุนเวียนกว่า 13,000 ล้านบาทต่อปี จึงมีการขยายผล วิเคราะห์เส้นทางการเงิน มีความเชื่อมโยงกับเส้นทางการเงินในคดีเว็บพนันออนไลน์ พบว่าเงินที่ถูกหลอกลวงจากการการลงทุนคริปโทฯ ได้ถูกนำมาผ่านกระบวนการฟอกเงิน 

สืบสวนพบหลักฐานว่า นายกัญจน์นิพิฐ ผู้ต้องหาในคดีเว็บพนันออนไลน์ เป็นผู้จัดการทางการเงินให้แก่กลุ่มอาชญากรข้ามชาติต่าง ๆ ที่มีความเชื่อมโยง จากการฟอกเงิน ทำให้ตำรวจเชื่อว่า ทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้มาจากการหลอกลงทุนทรัพย์สินดิจิทัล โดยผ่านกระบวนการฟอกเงินที่สลับซับซ้อนด้วยวิธีการใช้โพยก๊วนสมัยใหม่ เพื่อแปลงสภาพทรัพย์สินที่ ได้มาจากการกระทำความผิด

นำมาสู่ปฏิบัติการ BLACK HAT ล่าล้างขบวนการหลอกลงทุนคริปโทฯ โดยตำรวจไซเบอร์ได้รายงานข้อมูลไปยังสำนักงาน ปปง. และต่อมาสำนักงาน ปปง. ได้มีคำสั่งที่ ย.93/2567 ลงวันที่ 22 เม.ย.67 เพื่อยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง กับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราวที่ เจ้าหน้าที่จึงยึดเงินสดกว่า 117 ล้านบาท พร้อมทั้งรถยนต์ Porsche มูลค่า 8 ล้านบาท รวมทรัพย์สินทั้งสิ้น มูลค่ากว่า 125 ล้านบาท เพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบและนำมาเฉลี่ยทรัพย์คืนให้แก่ผู้เสียหายต่อไป

นอกจากนี้ยังสามารถรวบรวมพยานหลักฐาน ออกหมายจับผู้ต้องหาเป็นเครือข่ายได้จำนวนมาก และได้ระดมกำลังตำรวจไซเบอร์ทั่วประเทศติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ จับกุมได้ 23 คน ฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนและสมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน” นำส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย