ผจก.แบงก์ ให้รอเซ็นกู้หนี้ร้านกาแฟ ซ้ำค่าใช้จ่ายงอก-เงินหาย

View icon 31
วันที่ 26 เม.ย. 2567 | 16.22 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เจ้าของโรงงานแห่งหนึ่ง ไปกู้เงินธนาคาร มีหลายอย่างแปลก ๆ เกิดขึ้น เช่น พนักงานธนาคารไม่ยอมให้เข้าไปเซ็นสัญญาในธนาคาร แต่ให้รอเซ็นที่ร้านกาแฟแทน จากนั้น มีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ทยอยเรียกเก็บเพิ่มเข้ามา โดยไม่รู้ว่าเอาไปทำอะไรบ้าง จนเมื่อเริ่มตรวจสอบ จึงพบว่าน่าจะโดนโกงแล้ว และพบว่าเงินที่ถูกเรียกเก็บ หายไปนับแสนบาท

นางสาวกนกวรรณ มณฑิราช เจ้าของโรงงานแห่งหนึ่ง ร้องเข้ามาในรายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่อง 7HD ว่า ไปกู้เงินจากธนาคารแห่งหนึ่ง ตอนแรกมีค่าใช้จ่ายไม่มาก แต่พอจะทำสัญญากู้ กลับแจ้งว่ามีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่พนักงานธนาคารไม่เคยบอก 600,000 กว่าบาท มีทั้งที่เพิ่มมาในวันเซ็นสัญญา และทยอยเพิ่มมาทีหลัง

คุณกนกวรรณ บอกว่า เธอทำโรงงานผลิตเชื้อเพลิงชีวมวล แต่ช่วงโควิด-19 มีปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน พอปลายปี 2565 จึงติดต่อขอกู้เงินจากธนาคารแห่งหนึ่ง

จากนั้น มีพนักงานชายของธนาคาร อ้างว่าเป็นระดับผู้จัดการ กับลูกน้องผู้หญิง 1 คน ไปที่โรงงาน และเสนอเงินกู้แบบวางเงินหลักประกัน แล้วจะกู้ได้ 3 เท่าของเงินที่วาง แต่ดอกเบี้ยจะแพงอยู่ที่ประมาณ 13.50 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ระยะเวลาผ่อนเงินกู้ 10 ปี เธอจึงตัดสินใจเลือกการกู้แบบนี้ คือ วางเงินหลักประกัน 1.5 ล้านบาท เพื่อให้กู้ได้ 4.5 ล้านบาท

2 วันผ่านไป พนักงานธนาคารชายรายนั้น ส่งข้อมูลมาให้ สรุปว่า กู้เงินได้ 4,980,000 บาท ทั้งที่ตอนแรกเธอจะกู้เพียง 4,500,000 บาท จึงถามว่าทำไมกู้ได้เยอะขึ้น ก็ได้คำตอบว่า จะมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ รวม 659,030 บาท จึงให้กู้สูงขึ้น เธอดูรายละเอียดค่าใช้จ่าย พวกค่าธรรมเนียมกู้แสนกว่าบาท และค่าอากร ไม่ติดใจ เพราะปกติจะมีอยู่แล้ว

แต่มาติดใจตรงวงเงินกู้ความคุ้มครองชดเชย และวงเงินกู้ความคุ้มครองสินเชื่อ รวมกัน 500,000 กว่าบาท ว่ามันคืออะไร ซึ่งพนักงานธนาคารชายรายนั้น บอกเพียงว่าเป็นประกันคุ้มครองวงเงิน ด้วยความที่โรงงานต้องการใช้เงิน จึงตกลงตามนี้

จากนั้น ถึงวันสำคัญ คือวันเซ็นสัญญา ตอนแรกนัดเซ็นสัญญากันที่สำนักงานใหญ่ของธนาคารแห่งนี้ แต่พนักงานชายที่อ้างว่าเป็นผู้จัดการ กลับบอกว่าเขาไม่อยู่ และไม่สะดวกให้เข้าไปเซ็นสัญญาที่ธนาคาร แต่ให้รอที่ร้านกาแฟหน้าห้างแห่งหนึ่ง

คุณกนกวรรณ บอกว่า ตอนนั้น สามีเธอบอกว่ามันแปลก ๆ จึงยืนยันจะเข้าไปเซ็นสัญญาในสำนักงานใหญ่ของธนาคารให้ได้ แต่พนักงานชายที่อ้างเป็นผู้จัดการไม่ยอมให้เข้าไป ให้รอที่ร้านกาแฟ จากนั้นให้พนักงานหญิงอีกคนนำสัญญามาให้เซ็น และให้โอนเงินหลักประกัน 1,500,000 บาท ให้ธนาคาร และไม่นานก็มียอดเงินกู้เข้ามาที่บัญชีเธอจริง ๆ 4.3 ล้านกว่าบาท แต่ว่าการไปเซ็นสัญญาที่ร้านกาแฟ เป็นจุดแรกที่เธอคิดว่ามันผิดปกติ

คุณกนกวรรณ บอกว่า ผ่านไปไม่ถึงเดือน พนักงานชายที่อ้างว่าเป็นผู้จัดการ ติดต่อเธอมาบอกว่า ต้องจ่ายค่าค้ำเงินกู้ของ บสย. หรือบริษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม อีก 90,500 บาท (ซึ่ง บสย. จะทำหน้าที่ค้ำเงินกู้ให้เอสเอ็มอีด้วย คนกู้ต้องจ่ายเงินตรงนี้ให้ บสย.) นี่เป็นจุดที่ 2 ที่คุณกนกวรรณ เริ่มรู้สึกผิดปกติแล้ว เพราะตอนคุยกัน หรือทำสัญญา ไม่เคยพูดถึงการต้องจ่ายค่าค้ำเงินกู้ บสย. เลย แต่ก็โอนจ่ายไปอีก

แต่จุดที่ 3 ที่ทำให้รู้สึกว่าน่าจะโดนหลอกหลายเรื่อง ก็คือตอนที่จ่ายเงินกู้ผ่านไปปีแรก จะขึ้นปี 2 อยู่ ๆ ก็มีบริษัทประกันแห่งหนึ่งโทรศัพท์มาหาว่า เธอกับสามีจะต่อประกันไหม เธอก็งงว่า ไม่เคยทำประกันกับบริษัทนี้ ทางบริษัทก็เลยอธิบายว่า ธนาคารมาทำประกันคุ้มครองสินเชื่อไว้ จำนวนเบี้ยประกัน 420,000 กว่าบาท ทำให้เธอคิดย้อนไปได้ว่า เป็นเงินที่หักเธอไป 500,000 กว่าบาท ซึ่งถ้านำไปจ่ายประกันจริง เงินที่หักไปก็หายไป 100,000 กว่าบาท ที่สำคัญตัวพนักงานธนาคารชายที่อ้างเป็นผู้จัดการ ได้ค่าคอมมิชชันจากการนำเงินนี้ไปซื้อประกันถึง 40 เปอร์เซ็นต์ หรือเกือบ 200,000 บาท

จากตรงนี้เอง ทำให้คุณกนกวรรณ ไม่ไว้ใจแล้ว จึงขอใบเสร็จที่จ่ายค้ำเงินกู้ บสย. มาด้วย ทำให้พบว่า เงินที่โอนไป 90,500 บาท ถูกจ่ายจริงเข้า บสย. เพียง 37,500 บาท เงินหายไป 53,000 บาท

เธอโทรศัพท์สอบถามไปที่ธนาคาร แต่ไม่มีใครให้คำตอบได้ คุณกนกวรรณกับสามี จึงหยุดจ่ายเงินกู้รายเดือนไปก่อน เพราะเชื่อว่าถูกโกงแล้ว จากนั้น พนักงานธนาคารก็โทรศัพท์มาทวงค่างวดเงินกู้ ซึ่งเธอพยายามขอคำตอบเงินที่ถูกโกงไป ก็ไม่มีใครให้คำตอบ ติดต่อพนักงานชายที่อ้างว่าเป็นผู้จัดการก็ไม่รับสาย

จนกระทั่งเมื่อเธอมาร้องต่อช่อง 7HD เราลองให้เธอโทรศัพท์ติดต่อธนาคารอีกครั้ง มีคนรับสายและให้คำตอบเธอได้เรื่องเดียว คือเรื่อง บสย. ชี้แจงเพียงว่าทำใบเสร็จผิด เมื่อถามว่าพนักงานชายที่อ้างเป็นผู้จัดการเป็นพนักงานของธนาคารจริงหรือไม่ ทางธนาคารก็บอกว่าเป็นพนักงานจริง ตำแหน่งระดับผู้อำนวยการ

ทีมข่าวเย็นประเด็นร้อน ติดต่อขอสัมภาษณ์ผู้บริหารธนาคารแห่งนี้ แจ้งว่ายังไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ แต่จะขอตรวจสอบก่อนว่ามีพนักงานคนใดเกี่ยวข้องกับเรื่องไม่ชอบมาพากลนี้บ้าง เมื่อได้รายละเอียดชัดเจนจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง