สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - ภรรยาของพนักงานที่เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้ถังสารเคมี ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ร่ำไห้ ขณะรับศพของสามี ที่นิติเวชโรงพยาบาลระยอง
ขณะที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ไปดูจุดเกิดเหตุ ขอโทษชาวจังหวัดระยอง และสั่งปรับมาตรการความปลอดภัยทั้งพื้นที่
ช่วงเย็นวาน ที่ห้องพักศพกลุ่มงานนิติเวช โรงพยาบาลระยอง ภรรยาและครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้ถังเก็บสารเคมี บริษัท มาบตาพุดแทงค์ เทอร์มินัล เดินทางไปติดต่อขอรับศพสามี คือ นายนพพร เรือนมา อายุ 34 ปี ที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ ขึ้นไปตรวจระดับสารเคมีในถัง แล้วเกิดระเบิดและเพลิงไหม้ตามมา
บริเวณด้านหน้าห้องพักศพ มีภรรยา พร้อมด้วยครอบครัว และเพื่อนร่วมงาน มาร่วมรับศพ บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าโศก เสียใจ ภรรยาร้องไห้ตลอดเวลาทำพิธีเคลื่อนศพ กลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด ในพื้นที่วัดปูแกง ตำบลน้ำเย็น อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย พี่ชายผู้เสียชีวิต จุดธูปบอกให้น้องชายกลับบ้านด้วยกัน มุ่งหน้าเดินทางกลับไปบ้านเกิดที่จังหวัดเชียงราย
นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ไปนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ไปดูจุดเกิดเหตุ การระงับเหตุเพลิงไหม้ถังเก็บสารเคมีไพโรไลสิส แก๊สโซลีน ที่ไหม้วอดไป 1 ถัง และได้ลุกลามไปถังที่ 2 ด้วย เพลิงสงบไปแล้ว และแถลงขอโทษชาวระยอง พร้อมให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยจากเหตุเพลิงไหม้ ครอบครัวของผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บทั้ง 5 คน อย่างเต็มที่ พร้อมเข้มงวดมาตรการจัดการป้องกัน และวิธีการจัดการ ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซาก เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด
ส่วนเรื่องการให้ความช่วยเหลือเยียวยาประชาชน นอกจากหน่วยงานในพื้นที่ ก็ยังมีอีก 2 หน่วยงาน ที่ประกาศพร้อมยื่นมือช่วยเหลือแล้ว อย่าง สภาทนายความฯ บอกว่า วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคมนี้ จะส่งทีมสภาทนายความฯ ลงพื้นที่ไปรับเรื่องร้องทุกข์ทุกด้าน
ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสุขภาพ, ความเสียหายทางร่างกาย, ชีวิต, ทรัพย์สิน รวมไปถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เบื้องต้นแนะนำให้ประชาชนที่อยู่ในรัศมีการแพร่กระจายของสารเคมีไปตรวจสุขภาพแต่เนิ่น ๆ แม้จะยังไม่มีอาการผิดปกติก็ตาม เพื่อที่หากอนาคตเกิดปัญหาสุขภาพขึ้นจากเหตุการณ์นี้ จะได้นำหลักฐานไปใช้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้ เพราะคดีไม่มีอายุความ
