คนร้ายอุ้มฆ่าหนุ่มเกาหลีใต้ มี 3 คน ต่างแยกย้ายกันหลบหนีออกจากไทยไปคนละประเทศ ตำรวจผลผลดีเอ็นเอ ยืนยันผู้ก่อเหตุ ก่อนจะประสานออกหมายแดงตามล่าตัว
12 พ.ค.67ความคืบหน้าคดีของนายโรห์ อึน จง อายุ 34 ปี หนุ่มเกาหลีถูกสองเพื่อนร่วมชาติฆ่า เอาร่างยัดใส่ถัง 200 ลิตร แล้วโบกปูนถ่วงน้ำที่อ่างเก็บน้ำมาบประชัน หมู่ 3 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ล่าสุดที่ สน.มักกะสัน เวลา 13.20 น. ญาติของผู้เสียชีวิต 2คน ที่บินมาจากเกาหลีใต้ มาถึงที่โรงพักแล้ว พร้อมกับเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทยราว 3 คน โดยเมื่อมาถึงได้เดินเข้าไปในห้องสอบสวนทันที และปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน ประกอบกับเจ้าหน้าที่สถานทูตได้ขอความร่วมมือไว้ก่อนหน้านี้
ซึ่งจากการสังเกตพบว่า พี่สาวของผู้เสียชีวิต และลูกพี่ลูกน้อง มีสีหน้าเคร่งเครียด และเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นทั้งหมดได้เดินเข้าห้องของพนักงานสอบสวน เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจ ทำการตรวจเก็บดีเอ็นเอ เพื่อพิสูจน์เทียบกับอัตลักษณ์ของศพผู้เสียชีวิต เป็นการยืนยันว่าคือนายโรห์ อึน จง จริง ก่อนจะนำไปสู่การออกหมายจับ 3 คนร้าย และรับร่างของผู้เสียชีวิตกลับประเทศ
เวลา 14.00 น. พลตำรวจตรีนพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.เดินทางมาร่วมประชุมติดตามความคืบหน้ากรณีชาวเกาหลีใต้ ถูกแก๊งเพื่อนร่วมชาติอุ้มรีดค่าไถ่ 3 ล้านบาท ก่อนถูกฆ่ายัดถังถ่วงทิ้งอ้างเก็บน้ำเมืองพัทยาที่ สน.มักกะสัน
ต่อมาเวลา 16.00 น.วันที่ 12 พ.ค.ที่ห้องประชุม สน.มักกะสัน พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคํา ผบก.น.5 พ.ต.อ.ภพธร จิตต์หมั่น รองผบก.น.5 พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รองผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าว และเครื่องมือพิเศษบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.อรรชวศิษฏ์ ศรีบุณยมานนทน์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.อุรัมพร ขุนเดชสัมฤทธิ์ ผกก.สน.มักกะสัน พ.ต.อ.วชิรากรณ์ วงศ์บุญ ผกก.สน.คลองตัน ชุดสืบสวนนครบาล ชุดสืบสวนบก.น.5 ชุดสืบสวนสน.คลองตัน ชุดสืบสวนสน.มักกะสัน ร่วมประชุมความคืบคดีกว่า 2 ชั่วโมง
โดย พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า วันนี้มีการประสานญาตินายโรห์ อึง จง เพื่อมาพิสูจน์ทราบอัตลักษณ์บุคคลที่พบศพเมื่อคืนนี้ หลังเมื่อวันที่ 7 พ.ค.รับแจ้งจากแม่ของนายโรห์ ที่หายตัวไป ที่แจ้งเรื่องกับทางสถานฑูตเกาหลี ก่อนเดินทางเข้ามาแจ้งกับตำรวจ สน.คลองตันว่าถูกคนร้ายใช้ ไอดีโทรศัพท์ของตัวผู้ตายโทรไปข่มขู่ว่า นายโรห์ มีการนำยาเสพติดไปโยนทิ้งลงน้ำ จนเกิดความเสียหายจึงเรียกร้องเงินจำนวน 3 ล้านบาท ทาง สน.คลองตัน
จากการตรวจสอบนายโรห์ เดินทางเข้ามาประเทศไทยเมื่อ 30 เม.ย.67 และมาพัก รร.รามาด้า ต่อมาเมื่อวันที่ 7 พ.ค.หลังรับแจ้งจึงเริ่มทำการสืบสวน พบว่า ช่วง 16.00 น.ของวันดังกล่าวนายโรห์ ได้เดินไปห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง และกลับเข้าที่พัก ต่อมาเวลา 19.36 น.นายโรห์ เดินออกจากโรงแรม และขึ้นวิน จยย.รับจ้าง ไปยังสถานบันเทิง อาร์ซีเอ และพบว่ามีเพื่อนชาวเกาหลีเดินมาประกบตอนขาออก เวลาประมาณ ตีสองกว่าๆ โดยมีรถยนต์มาจอดรอรับ
จากการตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่ามีชาย 2 คนเป็นคนขับ 1 และอีกคนนั่งข้าง อยู่ภายในรถ กับอีก 1 คนที่เดินประกบนายโรห์ รวมผู้ก่อเหตุ 3 คน จากการตรวจสอบรถคันดังกล่าวพบว่าเป็นรถเช่าโดยมีชื่อนายคิม เป็นผู้เช่า และเป็นคนขับ โดยใช้เส้นทางออกจากผับ RCA ไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ย่านร่มเกล้า กทม. จาการตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าวพบว่ามีนายลี เป็นผู้เช่า และพบว่ากล้องวงจรปิดถูกถอดออก ทำให้สามารถ เก็บมาได้เพียงบางส่วน เริ่มเช่าเมื่อวันที่ 1 พ.ค.ถึงวันที่ 4 พ.ค.ซึ่งวันเกิดเหตุคือ วันที่ 2-3 พ.ค. แนวทางการสืบสวนเชื่อว่าคนร้ายมีการวางแผน เพื่อเช่าบ้านหลังดังกล่าวไว้ก่อนจะก่อเหตุ เมื่อเข้าไปถึงบ้านหลังดังกล่าว มีการดึงสายRouter กล้องวงจรปิดออกทั้งหมด ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่มีภาพเหตุการณ์วันดังกล่าว หลังจากนายคิม ขับรถคันดังกล่าวเข้าไปภายในบ้าน แล้วนายคิมขับรถออกมาคอนโดแห่งหนึ่งที่ สุขุมวิท เพื่อเก็บกระเป๋าเสื้อผ้า ก่อนขับกลับมาบ้านหลังเดิมอีกครั้ง จากนั้นมีการขับรถยนต์พานายโรห์ ออกไปซึ่งเชื่อว่าออกไปกันทั้งหมด 4 คน แล้วมุ่งหน้าไปคอนโดอีกแห่ง ซอยสุขุมวิท 77 จากนั้นคนร้ายคนที่ 3 ชื่อนายลน ลงจากรถไปเอาสิ่งของบางอย่างที่คอนโด ลงมาให้กับคนในรถ แต่นายลนไม่ได้ไปด้วยกัน
จากนั้นรถคันดังกล่าวขับไปที่ด่านลาดกระบังขาออกมุ่งหน้าเส้นพัทยา ทำให้เชื่อว่าคนในรถมีเพียง 3 คนเท่านั้น คือนายคิม และนายลี และนายโรห์ผู้ตาย จากนั้นเมื่อไหร่กล้องวงจรปิดไปพบว่ารถยนต์คันดังกล่าวได้เข้าไปที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านมาบประชัน พัทยา ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวมีนายลี ผู้ก่อเหตุ เป็นคนเช่าไว้ เช่าตั้งแต่วันที่ 3 -10 พ.ค.เชื่อว่ามีการวางแผนว่าหากนำตัวมาแล้วจะไปพักยังบ้านหลังดังกล่าว หลังจากนั้นช่วงเวลาประมาณ 10:00 น.ตัวนายคิม ได้ขับรถออกไปยังร้านวัสดุแต่ยังไม่มีการซื้อของใดๆ
กระทั่ง 10.45 น.นายคิม ขับรถไปจอดหน้าบริษัทให้เช่ารถ และนายคิมลงมาทำสัญญาเช่ารถกระบะ สีขาว และขับรถกระบะกลับไปยังบ้านพัก โดยรอบแรกเวลา 11.36 ของวันที่ 3 พ.ค.ยังไม่มีสิ่งของอยู่บริเวณท้ายรถกระบะ จากนั้นช่วง 15.00 น.นายคิมเป็นขับกระบะ มีนายลีนั่งมาด้วย และเวลา 15.17 น.มีการขับไปร้านค้าเพื่อซื้อถังสีดำขนาดใหญ่ และเชือกนำไปไว้ท้ายกระบะ มีผ้าคลุมก่อนกลับไปยังบ้านพักในหมู่บ้านที่เช่าไว้ ต่อมาวันที่ 4 พ.ค. คนร้ายได้ถอดกล้องวงจรปิดออกจากบ้านเช่าดังกล่าวออกทั้งหมด จนกระทั่งรุ่งขึ้นวันที่ 4 พ.ค.เวลา 17.00 น.นายลีขับกระบะ สีขาวออกไป 1 คัน และนายลี ขับรถยนต์เก๋ง ฮอนด้า ซิตี้ ออกจากหมู่บ้าน และขับวนในพัทยา ราว 5 ชั่วโมง
กระทั่งเวลา 22.00 น.พบภาพวงจรปิดจากร้านค้าเห็นรถยนต์ 2 คันขับมาประกบกัน แถวอ่างเก็บน้ำมาบประชัน แล้ว 1 คนลงจากรถเก๋งฮอนด้า ซิตี้ มาหารถกระบะ แล้วกระบะก็ท่อเข้าไปริมอ่างเก็บน้ำ ใช้เวลาประมาณ 25 นาที รถกระบะคันดังกล่าวก็ขับออกมา แล้วกลับไปยังหมู่บ้านมาบประชัน ซึ่งวงจรปิดหน้าหมู่บ้านเห็นชัดว่าขาไปพบท้ายรถกระบะมีผ้าคลุมสีดำ และถังดำอยู่ แต่ขากลับเข้าหมู่บ้าน เวลา 22.43 น.กลับไม่มีถังและผ้าคลุมท้ายรถแล้ว ทางฝ่ายสืบสวนจึงเชื่อว่า มีการนำถังไปโยนทิ้งบริเวณอ่างเก็บน้ำ จึงประสานนักประดาน้ำค้นหาจนเจอศพสภาพถังโบกปูนปิด ด้านกองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบแล้วจึงนำส่งสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ
ทั้งนี้เชื่อว่าคนร้ายที่ก่อเหตุมีจำนวน 3 ราย แล้วจากการตรวจสอบข้อมูลจากตม. พบว่าจำนวน 2 รายได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วแต่อีก 1 ราย ซึ่งพบเพียงเดินทางเข้ามาประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังไม่พบมีการเดินทางออก
เบื้องต้นจึงมีการประสานกับทางสถานทูตเกาหลีและตำรวจเกาหลี ในการขอข้อมูลและมีการประชุมร่วมกัน โดยทางเกาหลีพร้อมประสานความร่วมมือในการติดตามจับคนร้ายกลุ่มนี้ เนื่องจากมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน และหากพบว่าผลตรวจดีเอ็นเอ เป็นของนายโรจริง ก็สามารถออกหมายจับผู้ต้องหาและประสานออกหมายแดง รวมถึงสาเหตุครั้งนี้ ทางชุดสืบสวนได้มีการขอประวัติย้อนหลัง ของตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 3 ราย โดยทางตำรวจเกาหลีรับเรื่องไว้เพื่อหาสาเหตุครั้งนี้ต่อไป
มีรายงานว่าผู้ก่อเหตุทั้ง 3 รายคือ 1.นายคิม (Mr.KIM HYEONGGWON) หลบหนีไปที่ประเทศเมียนมาร์ และนายลี (Mr.LEE YOUNGJIN) หลบหนีไปประเทศกัมพูชา และ 3.นายลี โรอุน (Mr.LEE ROUN) เดินทางกลับประเทศเกาหลี