รวบอดีตแก๊งคอลเซ็นเตอร์กัมพูชา เปิดบัญชีให้แก๊งโรแมนซ์สแกมตุ๋นเหยื่อเสียเงินนับล้าน

รวบอดีตแก๊งคอลเซ็นเตอร์กัมพูชา เปิดบัญชีให้แก๊งโรแมนซ์สแกมตุ๋นเหยื่อเสียเงินนับล้าน

View icon 195
วันที่ 15 พ.ค. 2567 | 14.51 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
อดีตแก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งกัมพูชา เจอตำรวจไซเบอร์จับหลังเปิดบัญชีให้แก๊งโรแมนซ์สแกมตุ๋นเหยื่อสูญเงินนับล้าน เจ้าตัวเล่าวินาทีระทึก โดนหลอกไปทำงาน ก่อนวางแผนหนีมากับเพื่อน

ตำรวจไซเบอร์ วันนี้(15 พ.ค.2567) พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 โดยมอบหมาย พ.ต.อ.อุกฤช ศรีนิติวรวงศ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.5 จัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่พร้อมให้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มโรแมนซ์สแกม หลอกให้รักซึ่งเป็นอดีตแก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งประเทศกัมพูชา

สืบเนื่องจากเมื่อช่วงกลางเดือนกันยายน 2565 ได้มีคนร้ายใช้แอปพลิเคชัน Instagram สร้างโปรไฟล์ปลอมชื่อ “roland_nune” หรือ “Roland” แล้วทักข้อความหาหญิงผู้เสียหาย จากนั้นจึงสนทนาสร้างความสนิทสนมแล้วได้เปลี่ยนมาคุยผ่านแพลตฟอร์ม WhatApp สุดท้ายเกิดความชอบพอแล้วได้ตกลงคบหาเป็นแฟนกันและได้ติดต่อพูดคุยกันเรื่อยมา

ต่อมา คนร้ายได้ออกอุบายหลอกผู้เสียหายว่าได้ส่งของขวัญมาให้ เป็นเงินสด 50,000 ปอนด์ พร้อมทั้งสิ่งของประเภทนาฬิกา กระเป๋า ทองคำ และทรัพย์สินอื่นๆ จึงได้ขอให้ผู้เสียหายช่วยโอนเงินเพื่อชำระค่าขนส่งและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ก่อน มิเช่นนั้นจะไม่สามารถรับพัสดุของขวัญได้ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของกลุ่มคนร้าย สุดท้ายก็ยังไม่ได้รับสิ่งของดังกล่าว ต่อมาคนร้ายก็ได้พูดจาหว่านล้อมและอ้างเหตุผลต่างๆ เพื่อให้ผู้เสียหายโอนเงินเพิ่มอีก สุดท้ายโอนไปทั้งสิ้น จำนวน 20 ครั้ง รวมความเสียหายจำนวน 1,090,000 บาท และไม่สามารถติดต่อได้อีก ผู้เสียหายจึงรู้ตัวว่าโดนหลอกลวง จึงได้เข้าแจ้งความผ่านระบบแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติผ่านระบบ แจ้งความออนไลน์คดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 

จากการสืบสวน พบว่ามี 1 ในผู้ต้องหาของขบวนการดังกล่าวซึ่งทำหน้าที่เปิดบัญชีเพื่อนำไปใช้กระทำความผิด ได้หลบหนีมาอยู่ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์จึงนำกำลังเข้าจับกุม นายชัยพรฯ (ขอสงวนนามสกุล ) อายุ 23 ปี  ตามหมายจับของศาลอาญา โดยแจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตนเป็นคนอื่น ,ร่วมกันโดยทุจริต หรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” โดยควบคุมตัวได้บริเวณหน้าอู่ซ่อมรถแห่งหนึ่งใน ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นบัญชีของตนเองจริง โดยผู้ต้องหายอมเปิดเผยข้อมูลว่า ตนเคยหางานออนไลน์แล้วสมัครไปเป็นแอดมินบ่อนพนันเพื่อทำงานที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา แต่เมื่อนายหน้าชาวไทยพาเดินทางข้ามแดนไปแล้ว กลับถูกส่งไปอยู่พื้นที่เกือบติดชายแดนเวียดนาม และมีนายทุนชาวจีนบังคับให้ทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และยังพบว่ามีคนไทยอีกกว่า 30 รายทำงานอยู่ที่นั่น และตนก็โดนบังคับให้เปิดบัญชีธนาคารแบบออนไลน์

ต่อมาเมื่อผู้ต้องหาทำงานได้ประมาณ 2 เดือน จึงได้วางแผนกับเพื่อนชาวไทยประมาณ 16-17 คนวิ่งหลบหนีออกมาได้สำเร็จ จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์จับตัวได้ที่ประเทศไทยในที่สุด