เสียงแตก! หมอเหรียญทอง - เด็ก 14 ปี ปมตบเด็ก-สั่งแก้ผ้า โทษฐานสูบบุหรี่ใน รพ.

View icon 120
วันที่ 16 พ.ค. 2567 | 07.06 น.
สนามข่าว 7 สี
แชร์
สนามข่าว 7 สี - เรื่องที่ "หมอเหรียญทอง" ทำร้ายเด็กชายอายุ 14 ปี จากปมเหตุเรื่องการสูบบุหรี่ในโรงพยาบาล ก็ยังมีเรื่องให้เราได้เซอร์ไพรส์กันอยู่ ทั้งวิวาทะของทั้งสองฝ่าย รวมไปถึงตอนที่แม่ของเด็กชายไปติดตามเอาทรัพย์สินของลูกชายที่โรงพยาบาล แล้วไปเจออะไรบางอย่างที่น่าจะผิดกฎหมายด้วย

เริ่มจากฝั่งของผู้เสียหายก่อน เมื่อวานไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง และทีมสหวิชาชีพ เพื่ออธิบายที่มาที่ไปว่าเกิดอะไรขึ้น พร้อมกับนำภาพจากกล้องวงจรปิดขณะที่ลูกชายต้องไปเดินอยู่ริมถนนในสภาพเปลือยกาย เพราะถูกจับได้ว่าสูบบุหรี่ภายในโรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะ และถูก "หมอเหรียญทอง" สั่งสอนตามที่ปรากฎเป็นข่าว

โดยแม่ได้ยกมือไหว้ กล่าวขอโทษสังคมที่ลูกทำผิดเรื่องที่สูบบุหรี่ในโรงพยาบาล เพราะความเป็นเด็ก เลยไม่รู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ แต่สิ่งที่ "หมอเหรียญทอง" ทำ ทั้งเรื่องทำร้ายร่างกาย และให้ลูกแก้ผ้าออกจากโรงพยาบาล ก็มองว่าทำเกินกว่าเหตุ จะขอเอาผิดให้ถึงที่สุด

เบื้องต้นได้ขอให้พนักงานสอบสวนพิจารณาดำเนินคดีใน 5 ข้อหา คือ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนทำให้เป็นเหตุให้เกิดการทำร้ายจิตใจ ยักยอกทรัพย์ ข่มขืนใจให้ผู้อื่นฯ กักขังหน่วงเหนี่ยว และกระทำอานาจาร

ฝั่งของ "หมอเหรียญทอง" ก็ไม่เบา นัดสื่อมวลชนทุกช่องให้มาสัมภาษณ์เปิดใจพร้อมกันทีเดียว พูดแบบลูกผู้ชาย ยืดอกยอมรับว่าได้ลงมือทำร้ายเด็กชายคนนี้ไปจริง ๆ วงจรปิดก็มี ไม่ได้ลบ

ส่วนสาเหตุก็เพราะอีกฝ่ายไม่เคารพสิทธิของผู้อื่น แอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำ ทั้ง ๆ มีประกาศเตือนติดไว้ทั่วโรงพยาบาล และประชาสัมพันธ์เสียงตามสายทุก 2 ชั่วโมง พร้อมเล่าให้ฟังว่า จุดที่ไปสูบบุหรี่เป็นห้องน้ำในตึกผู้ป่วยฉุกเฉิน

ถ้าเกิดเพลิงไหม้ขึ้นมา จะมีผู้ป่วยได้รับผลกระทบ 300-400 เตียง และไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดเหตุเพลิงไหม้ แต่เคยเกิดแล้วถึง 2 ครั้ง สาเหตุก็จากการสูบบุหรี่ในโรงพยาบาล

และในช่วงบ่าย "แม่ของเด็กชาย" ก็มาติดต่อขอรับทรัพย์สินคืน หลังจากไปชำระค่าปรับเรียบร้อย แต่ระหว่างตรวจรับทรัพย์สิน ก็มีเจ้าหน้าที่ไปสังเกตเห็นไฟแช็ก ซองใสบรรจุผงสีขาว และหลอดดูดคล้ายกับยาเสพติด ตอนนั้นทุกคนตกใจ เพราะไม่แน่ใจว่าจะใช่ของ "เด็กชาย" หรือไม่ จึงเรียกตำรวจมาตรวจสอบและยึดไปเป็นหลักฐาน โดย "แม่" บอกว่าไม่แน่ใจว่าจะใช่ของลูกชายหรือไม่ ถ้าใช่คงปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย จนสุดท้ายก็มาเฉลยเอาที่ สน.ทุ่งสองห้อง

เอาเฉพาะเรื่องกรณีที่เกิดขึ้น ไม่นับเรื่องที่พบซองใสอันนี้ ในโซเชียลก็จะมีความเห็นต่าง โดยฝ่ายที่เห็นด้วยก็มองว่า ที่ทำไปสมควรแล้ว และขอเป็นกำลังใจหมอ

ส่วนฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ก็มาสารพัดเหตุผล เช่น เรื่องนี้ควรว่ากล่าวตักเตือน ไม่ควรใช้กำลัง สิ่งที่ทำเป็นสิ่งผิดกฎหมาย

ทีนี้มาตั้งข้อสังเกตกันหน่อย ว่าการที่ "หมอเหรียญทอง" ใช้อำนาจในฐานะเจ้าของโรงพยาบาล ดำเนินการกับบุคคลที่ละเมิดกฎระเบียบของสถานที่ ทั้งควบคุมตัว ทำร้ายร่างกาย และยึดทรัพย์สิน จริง ๆ แล้วทำได้หรือไม่ เจ้าของพื้นที่มีอำนาจและขอบเขตดำเนินการได้มากน้อยเพียงใดโดยจะไม่ละเมิดบุคคลอื่น

ทีมข่าวสอบถามไปที่ นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโส บอกว่า ต้องเข้าใจก่อนว่า "โรงพยาบาล" คือพื้นที่สาธารณะ แล้วมาดูพฤติกรรมบุคคลที่เข้ามาใช้พื้นที่ว่ามาติดต่อธุระใด ถ้าพบการละเมิดกฎที่ตั้งไว้ ก็เชิญออกนอกพื้นที่ได้ แต่เจ้าของสถานที่จะกระทำฝ่าฝืนกฎหมายไม่ได้ ทั้งการควบคุมตัว การทำร้ายร่างกาย และการยึดทรัพย์สินไว้ 

มาดูอีกมุมการลงโทษที่ หมอเหรียญทอง ใช้กับเด็ก หากพิจารณาด้านการเคารพสิทธิต่อกัน มีความเห็นจาก นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มองว่าทั้ง 2 ฝ่ายต่างละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น โดยในมุมของเด็ก การสูบบุหรี่ก็ละเมิดผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ และบุคคลที่มาทำธุระในที่นี้ ซึ่งคุณหมอก็ต้องการพิทักษ์ดูแลสิทธิให้กับคนในโรงพยาบาล

แต่ขณะเดียวกัน หมอก็ละเมิดสิทธิเด็ก ทั้งการไม่เคารพในเนื้อตัวร่างกาย เพราะสั่งให้ถอดเสื้อผ้าออก การทำร้ายร่างกาย การยึดทรัพย์สินไป ซึ่งถือว่าขัดต่อหลัก "อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก" ที่กำหนดให้ประเทศภาคี ดูแลบุคคลทุกคนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ใน 4 ด้าน จึงอยากขอทุกคนให้ความสำคัญกับหลักสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่นด้วย เพื่อป้องกันผลกระทบเชิงลบไม่ให้เกิดขึ้น

ถ้าความเห็นนี้ยังไม่ชัดเจนพอ เราลองมาเปรียบเทียบกรณีที่เคยเป็นข่าวเมื่อปี 2559 ตอนนั้นมีคดีของ "หมอเปรมศักดิ์" ให้ลูกน้องบังคับจับผู้สื่อข่าวจาก 5 สำนักข่าว ที่มาขอสัมภาษณ์เรื่องที่ปรากฎมีภาพนั่งคู่กับหญิงสาว ชั้น ม.5 คล้ายมีพิธีหมั้น หรือพิธีมงคลสมรสของภาคอีสาน สร้างความไม่พอใจให้กับ "หมอเปรมศักดิ์" จึงวางแผนล่อให้มาที่ห้องทำงาน แล้วล็อกตัว 1 ในผู้สื่อข่าว จับแก้ผ้าประจาน ซึ่งตอนแรกคดีนี้ "หมอเปรมศักดิ์" ให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาโทษจำคุกคนละ 2 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ก่อนจะมากลับคำให้การในชั้นศาลอุทธรณ์ แต่ก็ไม่เป็นผล จนมาถึงชั้นศาลฎีกา ถึงจะได้รับการปรับแก้ไขโทษเป็นกักขัง 2 เดือน พร้อมให้ใส่กำไลอีเอ็ม หลังนำเงิน 100,000 บาท ไปวางต่อหน้าศาล เพื่อชดเชยค่าเสียหายให้กับสื่อมวลชน