ตำรวจ ปอศ.เข้าค้นโกดังทุนจีนย่านแพรกษา ยึดสินค้าหนีภาษีไร้คุณภาพกว่าแสนชิ้น หลังประชาชนร้องเรียน สั่งซื้อสินค้าแล้วได้ของไม่ตรงปก
ซื้อของออนไลน์ วันนี้(27 พ.ค.2567) ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) นำโดย พ.ต.ท.หญิง วณิชยา ไชยปรุง สว.กก.2 บก.ปอศ. พร้อมด้วยกำลังตำรวจ กก.2 บก.ปอศ. ร่วมกันตรวจค้น โกดังสินค้าในพื้นที่ หมู่ที่ 5 ตำบลแพรกษาใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ตามหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรปราการ พบสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นสินค้าที่ไม่มีคุณภาพหลากหลายประเภท เช่น อุปกรณ์เครื่องครัว อุปกรณ์การเกษตร ของเล่นสัตว์เลี้ยง เครื่องใช้ต่าง ๆ สินค้าจิปาถะ ประมาณกว่า 100,000 ชิ้น
สืบเนื่องจากตำรวจชุดตรวจค้นได้รับเบาะแสร้องเรียนมาจากประชาชนว่าได้สั่งซื้อสินค้าไปแล้วมีสินค้าไม่ตรงปก และได้รับของที่ไม่มีคุณภาพ จึงได้ทำการร้องเรียนผ่านเพจ facebook เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นจึงได้ทำการสืบสวนจนสืบทราบว่า โกดังสินค้าดังกล่าว มีการนำเข้าสินค้าที่น่าเชื่อว่าลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ โดยผิดกฎหมายและเป็นสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ มาจำหน่ายให้กับประชาชน ทำให้ประชาชนได้รับความเสียหาย และอาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพในอนาคต จึงได้ทำการขอหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรปราการเพื่อเข้าตรวจค้นและตรวจสินค้าโดยละเอียด
เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจชุดตรวจค้นเข้าตรวจค้น พบนางสาวเอ (นามสมมุติ) เป็นผู้นำตรวจค้น และนางสาวเอแจ้งว่า มีนายทุนจีน เป็นเจ้าของสินค้า และกิจการดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบสินค้าลักลอบนำเข้าหนีภาษีจากต่างประเทศจริง และเป็นสินค้าที่ไม่มีคุณภาพหลากหลายประเภท จำนวนกว่า 100,000 ชิ้น มูลค่ากว่าล้านบาท และยังไม่มีผู้ติดต่อมาแสดงเอกสารการนำเข้า และการชำระภาษีศุลกากรแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ โดยสอบถามคำให้การผู้ดูแลสถานที่เบื้องต้น รับว่ายังไม่สามารถติดต่อนายทุนจีนได้ซึ่งเป็นเจ้าของสินค้าที่แท้จริง และ ยังไม่มีผู้ติดต่อมาแสดงเอกสารการนำเข้าและการชำระภาษีศุลกากรแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำบันทึกตรวจค้นและยึดสินค้าดังกล่าวไว้เพื่อทำการตรวจสอบและขยายผลดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป
โดยการกระทำดังกล่าวมีความผิดฐาน “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้ โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร”อันเป็นความผิดตามาตรา 246 พ.ร.บ.ศุลกากรฯ