ระทึกกลางดึก เพลิงไหม้โกดังขายส่งทุกอย่าง 20 บาท วอด 5 คูหา

ระทึกกลางดึก เพลิงไหม้โกดังขายส่งทุกอย่าง 20 บาท วอด 5 คูหา

View icon 336
วันที่ 14 ก.ค. 2568 | 09.12 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ระทึกกลางดึก เพลิงไหม้โกดังขายส่งทุกอย่าง 20 บาท วอด 5 คูหา ไร้คนเจ็บ แต่ความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้

เมื่อเวลา 01.40 วันนี้ 14 ก.ค.68 พ.ต.ต.บริบูรณ์ บุญเสริฐ สารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรเมืองอุบลราชธานี รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้อาคารพาณิชย์ ด้านหลังวัดทุ่งศรีเมือง ถนนพโลรังฤทธิ์  ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานีจึงได้ประสานรถดับเพลิงเทศบาลนครอุบลราชธานี  องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี เทศบาลเมืองวารินชำราบ และ องค์การบริหารส่วนตำบล เข้าระงับเหตุ

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น 1 คูหา ด้านข้างเป็นโกดังเก็บสินค้าขายส่งทุกอย่าง 20 บาท จำนวน 4 คูหา รวมทั้งหมด 5 คูหา ภายในอาคารส่วนใหญ่เป็นสินค้าพลาสติก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีทำให้การควบคุมเพลิงเป็นไปได้ลำบาก เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องระดมรถดับเพลิงกว่า 20 คัน สลับกันฉีดน้ำสกัดไม่ให้เพลิงลุกลามไปยังอาคารข้างเคียง  ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ในวงจำกัด

นางสาวปานจารีย์ อายุ 58 ปี เจ้าของอาคารเปิดเผยว่า จุดเกิดเหตุเป็นร้านขายส่งสินค้าทุกอย่าง 20 บาท  ขณะเกิดเหตุไม่มีผู้พักอาศัย ยังไม่ทราบว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ในเรื่องของความเสียหาย ขณะนี้ยังประเมินไม่ได้   เนื่องจากมีสินค้าสต๊อกไว้จำนวนมาก และเพิ่งไปวางเครดิตประเภทร่มกันแดดมาจำหน่ายในช่วงงานแห่เทียน ซึ่งก็ขายไม่หมดและยังไม่ได้นำไปคืนตอนนี้สินค้าทุกอย่างในร้านได้รับความเสียหายทั้งหมด ส่วนตัวอาคารเองก็ไม่ได้มีประกันอัคคีภัยแต่อย่างใด

ขณะที่นางสาววี นามสมมุติ ผู้พักอาศัยในหอพักด้านหลังจุดเกิดเหตุ เผยว่า เหตุการณ์เกิดช่วงประมาณตี 1 ครึ่ง ตนเองได้กลิ่นเหม็นไหม้เข้ามาภายในห้องสำรวจดูภายในห้องไม่พบความผิดปกติ จนกระทั่งเปิดประตูด้านหลังห้องออกไป จึงพบว่ามีควันและไฟพุ่งออกจากร้านขายส่ง 20 บาท ตนเองได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและดับเพลิงมาระงับเหตุ

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต อาคารที่เกิดเหตุได้รับความเสียหายทั้งหลัง มีบ้านเรือนข้างเคียงที่ได้รับผลกระทบจากเปลวไฟและความร้านอีกประมาณ 2 หลัง อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ในเบื้องต้นจะเชิญพยานที่เห็นเหตุการณ์  เข้าไปให้ปากคำประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดอุบลราชธานี  เข้าตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง