สนามข่าว 7 สี - มาดูเรื่อง "เสี่ยแป้ง นาโหนด" นักโทษคดีจ้างวานฆ่า หลบหนีการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม ปีที่แล้ว ซุ้มกบดานในป่า ตำรวจล้อมภูเขาทั้งลูกยังหาไม่เจอ จนหลบหนีออกนอกประเทศไปได้ รวมระยะเวลาหลบหนี 222 วัน แต่สิ้นท่าถูกจับง่าย ๆ ที่ประเทศอินโดนีเซีย
คลิปภาพตำรวจอินโดนีเซีย ล็อกตัว นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ เสี่ยแป้ง นาโหนด หลังกบดานอยู่ที่เมืองเมดาน เกาะสุมาตรา โดยพบใช้หนังสือเดินทางปลอมไปเที่ยวเกาะบาหลี แล้วมีเรื่องทะเลากับสาว เมื่อเรื่องถึงตำรวจ พบว่าใช้หนังสือเดินทางปลอม และรู้ว่านี่คือ แป้ง นาโหนด โดยในคลิปจะเห็นเจ้าหน้าที่พยายามซักถาม แต่ เสี่ยแป้ง ทำเป็นคนใบ้ เพราะฟังภาษามาลายูไม่รู้เรื่อง
ทั้งนี้มีการเผยแพร่คลิปภาพจากเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจจับกุมเสี่ยแป้ง โดยเป็นคลิปภาพ ช่วง 04.22 น. ของวันที่ 6 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งออกจากห้องพักในคอนโดมิเนียมหรู กลางเมืองเมดาน จังหวัดสุมาตราเหนือ ประเทศอินโดนีเซีย จากนั้นเปิดประตูหนีไฟวิ่งหนีลงไปด้านล่าง ไม่นานก็มีชายคนหนึ่งเหมือนเสี่ยแป้ง เดินออกมาจากห้องพัก ลักษณะรีบเดินไปกดลิฟต์ แต่ไม่ทันใจ ชายคนนี้ก็เดินลงประตูหนีไฟ ก่อนจะเดินย้อนออกมาจากประตูหนีไฟ แล้วเดินกระวนกระวายอยู่หน้าลิฟต์
เบื้องหลังการจับกุมเสี่ยแป้ง นาโหนด เริ่มจากตำรวจพบเบาะแส มีผู้หญิงไทยกลุ่มหนึ่งมีความสนิทสนมกับเสี่ยแป้ง เดินทางไปประเทศอินโดนีเซียบ่อยครั้ง คาดว่าไปหาเสี่ยแป้ง ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 9 จึงประสานงานกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ให้ตรวจสอบข้อมูลผู้หญิงกลุ่มนี้มาระยะหนึ่ง จนทราบว่า วันที่ 12 พฤษภาคม ผู้หญิงเป้าหมายคนหนึ่งเดินทางจากเมืองเมดาน มายังท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง จึงรู้ตำหนิ รูปพรรณ
โดยเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจ ประสานงานกับตำรวจอินโดนีเซีย ก่อนวางแผนไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด จนพบรถรับจ้างผ่านแอปพลิเคชันต้องสงสัยว่ารับหญิงไทยไปส่ง ตำรวจอินโดนีเซียจึงเรียกมาสอบสวน คนขับรับว่าได้รับผู้หญิงไทยไปส่งที่คอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่ง กลางเมืองเมดาน และเคยพบเป้าหมายของตำรวจ 1 ครั้ง
ตำรวจไล่กล้องวงจรปิดต่อเนื่อง และเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยมาสอบสวน พบวันที่ 6 พฤษภาคม มีชายไทยทะเลาะกับหญิงไทย เมื่อนำรูป เสี่ยแป้ง ให้พนักงานรักษาความปลอดภัยดู ยืนยันว่าเป็นคนเดียวกัน ตำรวจจึงมั่นใจเป้าหมาย แต่เมื่อตำรวจอินโดนีเซียขึ้นไปยังห้องพัก กลับไม่พบ จึงสืบสวนต่อพบว่า แท้จริงแล้วห้องพักในคอนโดมีเนียมดังกล่าว เสี่ยแป้งพักอยู่กับหญิงชาวอินโดนีเซียคนหนึ่งมาระยะหนึ่งแล้ว และพบว่าผู้หญิงคนนี้ เพิ่งเดินทางกลับมาจากเกาะบาหลี และเข้าพักรักษาตัวจากการป่วยอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ตำรวจตามไปสอบสวน
หญิงคนนี้ให้การว่า ทะเลาะกับเสี่ยแป้ง ที่เกาะบาหลี เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา จึงเดินทางกลับมายังเมืองเมดาน ก่อนเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจ มีการประสานกับตำรวจเกาะบาหลีไปจับกุมเสี่ยแป้ง ได้ที่เกาะบาหลี ซึ่ง เสี่ยแป้ง หลบหนีอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย ไม่เป็นหลักแหล่ง
เรื่องนี้ พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยัน การจับกุมตัว เสี่ยแป้ง เป็นไปตามหมายจับตำรวจสากล ต้องนำตัวกลับมาดำเนินคดีในราชอาณาจักรไทย ส่วนประเด็นที่มีตำรวจหญิงนายหนึ่ง ช่วยเหลือในการหลบหนีหรือไม่นั้นขอรับไว้ตรวจสอบ หากพบใครเข้าไปเกี่ยวข้องจะดำเนินการเอาผิด ไม่มีละเว้น
ทีมข่าวเดินทางไปยังบ้าน เสี่ยแป้ง ที่ตำบลท่าแค อำเภอเมืองพัทลุง ตามที่นัดกับครอบครัว และญาติ ๆ ของเสี่ยแป้งไว้ แต่ปรากฎว่า เมื่อไปถึงกลับไม่พบใคร และประตูบ้านถูกปิดสนิท ไม่มีใครอยู่บ้าน เมื่อสอบถามเพื่อนบ้านก็ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าคนในบ้านเสี่ยแป้ง ไปไหน
ด้าน นายกษิชาติ ทองด้วง พี่ชายเสี่ยแป้ง เผยว่า หลังรู้ข่าวน้องชายถูกจับกุม ก็สบายใจว่าน้องชายยังอยู่ปลอดภัย แต่พี่น้องกันก็อดเป็นห่วงไม่ได้ และยินดีกับตำรวจที่จับน้องชายได้ ซึ่งยืนยันว่าครอบครัวไม่มีญาติอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย และไม่รู้ว่าน้องชายหนีไปอยู่ที่ไหน
สำหรับคดีเสี่ยแป้ง ต้องใช้คำว่ามหากาพย์ของการแหกคุก แทบไม่ต่างกับในซีรีส์ต่างประเทศ เริ่มตั้งแต่ที่เจ้าตัวแกล้งเป็นหมดสติ ขาอ่อนแรง ต้องให้ไปนอนดูอาการที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช
แล้วจ้างคนให้นำคีมตัดเหล็กไปให้ตัดโซ่พันธนาการ มีคนช่วยพาขึ้นรถหลบหนี วงจรปิดไล่ภาพจนไปเจอตัวว่ากบดานบนเทือกเขาบรรทัด และที่นี่ก็เป็นจุดที่ตำรวจระดมสรรพกำลังไล่ล่า มีการยิงปะทะ พบร่องรอยการอาศัยอยู่ในป่า กินเวลาอยู่นานกว่า 17 วัน สุดท้ายคว้าน้ำเหลว กลายเป็นปริศนาว่าหลบหนีไปได้อย่างไร
เท่านั้นไม่พอ เจ้าตัวยังส่งคลิปวิดีโอมาร้องขอความเป็นธรรม ว่าถูกกลั่นแกล้งจากคู่กรณี จนสุดท้าย 22 ธันวาคม ปีที่แล้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยอมรับว่า เสี่ยแป้ง หลบหนีออกนอกไทยไปได้แล้วจริง ๆ
ด้าน พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม บอกว่า วันนี้ (31 พ.ค.) จะไปรับตัวเสี่ยแป้ง ที่กรุงจากาต้า ประเทศอินโดนีเซีย พอกลับถึงไทยจะนำตัวไปไว้เรือนจำใด เป็นเรื่องสำคัญที่เจ้าหน้าที่จะหารือกันอีกครั้ง แต่ที่แน่ ๆ ต้องไม่ใช่เรือนจำในพื้นที่อิทธิพลของเสี่ยแป้ง ตัวเลือกที่เล็ง ๆ ไว้ มีทั้งเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และเรือนจำความมั่นคงสูง เขาบิน จังหวัดราชบุรี