นอนคุก ญาติไม่ยื่นประกัน ราชทัณฑ์คุม เจ๊มดและพวก จ้างวานฆ่า “เสี่ยต้น” ขังเรือนจำ หลังตำรวจยื่นฝากขังครั้งแรก 12 วัน
วันนี้ (5 มิ.ย.67) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง นำตัว นายสาโรจน์ อายุ 25 ปี ผู้จัดหาอาวุธปืน, นายวีรภัทร อายุ 25 ปี ผู้ทำหน้าที่ขี่รถจักรยานยนต์ และน.ส.วรรณิภา หรือ “เจ๊มด” อายุ 37 ปี ภรรยานายพิชิต หรือ เสี่ยต้น เจ้าของธุรกิจสอนนวดแผนไทย ผู้ต้องหาที่ 1-3 คดีฆ่า “เสี่ยต้น”มาฝากขังต่อศาลครั้งแรก โดยกล่าวหาว่าผู้ต้องหาที่ 1 , 2 กระทำความผิดฐาน "ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพาอาวุธปีนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร” และกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 3 เป็นความผิดฐาน "เป็นผู้ใช้จ้างวานให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน " ซึ่งผู้ต้องหาที่ 1 และ 3 ให้การปฏิเสธ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 ให้การภาคเสธ
คำร้องระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อเวลาประมาณ 01.34 น. วันที่ 9 เม.ย.2567 นายพิชิต เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลางว่า ผู้เสียหายมาเที่ยวที่ร้านโรงเหล้าแสงจันทร์ ถนนประดิษฐ์มนูธรรม แขวง-เขตวังทองหลาง กทม. ได้เดินทางกลับบ้านโดยขับรถยนต์สีดำ ไปตามถนนประดิษฐ์มนูธรรมขาออก และได้กลับรถเข้าสู่ถนนประดิษฐ์มนูธรรมขาเข้า บริเวณด้านหน้าสถานีให้บริการน้ำมันเชลล์เพื่อจะขึ้นทางพิเศษฉลองรัช เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ มีชายไม่ทราบชื่อจริง-สกุลจริง จำนวน 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อรุ่นและหมายเลขทะเบียนมาประชิดข้างรถยนต์ฝั่งซ้าย จากนั้นชายคนช้อนท้ายใช้อาวุธปืน ไม่ทราบขนาด ยิงเข้ามาในรถยนต์จำนวนหลายนัด กระสุนปืนถูกรถยนต์บริเวณด้านข้างฝั่งซ้ายมือคนขับ จำนวน 4 นัด ผู้เสียหายจึงมาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง
ต่อมาการสืบสวนสอบสวนพบว่า ก่อนเกิดเหตุ น.ส.วรรณิภา หรือเจ๊มด ผู้ต้องหาที่ 3 ได้ติดต่อไปยัง นายณัฐพล อายุ 25 ปี มือปืนที่ยังหลบหนี ผ่านการแชตคุย ก่อนเกิดเหตุการณ์ลอบยิง มีการนัดพบที่ สวนหลวง ร.9 เมื่อวันที่ 1 เม.ย.67 ด้วย โดยการพูดคุยมีลักษณะจ้างวานให้ นายณัฐพล ลอบทำร้ายนายพิชิต โดยมีการวางแผนเรื่องการใช้ปีน การชี้เป้าตามพิกัดโทรศัพท์ของนายพิชิต มีการนัดแนะเรื่องโรงเหล้าแสงจันทร์
ทั้งนี้ น.ส.วรรณิภาได้โอนเงิน ให้กับนายณัฐพล ตั้งแต่วันที่ 1-7 เม.ย.67 จำนวน 7 ครั้ง รวมเป็นเงิน 45,000 บาท จากบัญชีธนาคารของ น.ส.วรรณิภา ไปยังบัญชีของนายณัฐพล เชื่อว่าเป็นการโอนเงินค่าจ้างล่วงหน้าให้ก่อเหตุทำร้ายนายณัฐพล และมีการติดต่อกับ นายสาโรจน์ ผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งนายสาโรจน์ มีบ้านอยู่ภายในซอยรามอินทรา 62 ตามที่มีการตรวจสอบพบว่า คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ออกไปก่อเหตุ และกลับเข้ามาภายในซอยดังกล่าวหลังเกิดเหตุ
น.ส.วรรณิภาได้โอนเงินจากบัญชีธนาคารของตนเอง ไปยังบัญชีของนายสาโรจน์ เมื่อวันที่ 6 เม.ย.2567 จำนวน 33,000 บาท ซึ่งเป็นวันก่อนเกิดเหตุ เชื่อได้ว่าเป็นค่าจ้างจากการให้นายสาโรจน์เตรียมการก่อเหตุ เมื่อเปรียบเทียบตำหนิรูปพรรณของนายญัฐพล ตรงกับภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้ขณะเกิดเหตุ และพบว่านายสาโรจน์ มีการโอนเงินไปมากับนายณัฐพล ช่วงเดือน เม.ย.2567 จำนวนหลายครั้ง โดยเป็นยอดเงินที่มีจำนวนมาก น่าเชื่อได้ว่าเป็นผลประโยชน์ตอบแทนจากการก่อเหตุ และภายหลังการเสียชีวิตของนายพิชิต นายณัฐพล ได้โพสต์ข้อความในลักษณะอวดว่าได้รับเงินจำนวน 3 แสนบาท และโพสต์รูปบ้าน ซึ่งน่าจะนำเงินที่ได้ไปสร้างบ้านดังกล่าว ส่วน น.ส.วรรณิภ ได้ลบข้อความการคุยกับนายณัฐพล ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ เพื่อเป็นการทำลายพยานหลักฐาน
จากการสืบสวนสอบสวน เชื่อว่า นายพิชิต ผู้ตายมีปัญหาความขัดแย้งในครอบครัว กับน.ส.วรรณิภา โดย น.ส.วรรณิภา ประสงค์จะให้นายพิชิต ถึงแก่ความตาย โดยใช้จ้างวาน นายณัฐพล ซึ่งมีตำหนิรูปพรรณตรงกันกับภาพวงจรปิดของชายคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิงนายพิชิต และนายสาโรจน์ ให้ลงมือก่อเหตุลอบยิงผู้ตาย ซึ่งนายณัฐพล ได้เดินทางจากจ.ขอนแก่น มาพบนายสาโรจน์ ที่กรุงเทพมหานคร จากนั้นได้ร่วมกันวางแผนในการฆ่านายพิชิต โดยแบ่งหน้าที่กันทำ คือ จัดหารถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ จัดหาบุคคลขับขี่รถจักรยานยนต์ไปก่อเหตุ เลือกสถานที่ก่อเหตุ คือร้านโรงเหล้าแสงจันทร์แล้วแจ้งให้น.ส.วรรณิภาทราบ โดยให้นายณัฐพล เดินทางไปที่ร้านดังกล่าว โดยมีผู้ต้องหาที่ 2 ทำหน้าที่ขี่รถจักรยานยนต์ มีนายณัฐพล นั่งซ้อนท้าย และใช้อาวุธปืนยิงไปที่รถยนต์ของนายพิชิต โดยเจตนาฆ่าและมีการโอนเงินค่าจ้างให้กัน พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาที่ 1-3 ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2560-2563/2567 ลงวันที่ 2 มิ.ย.67 เพื่อติดตามจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
กระทั่งต่อมาวันที่ 3 มิ.ย.67 ตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ 1 - 3 ตามหมายจับดังกล่าวได้ จึงนำส่งพนักงานสอบสวนสน.วังทองหลังดำเนินคดีตามกฎหมาย เหตุเกิดที่ ก่อนขึ้นทางพิเศษศรีรัช ถนนประดิษฐ์มนูธรรม (ขาเข้า) แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 8 เม.ย.67 เวลา 23.35 น.
ทั้งนี้ การกระทำของผู้ต้องหาที่ 1 , 2 เป็นความผิดฐาน "ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร" อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80,83,288,289(4),371 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4 และ พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 4,7, 8 ทวิ, 72 วรรคแรก ,72 ทวิ พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2501 มาตรา 3 พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2522 มาตรา 5, 7 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ต.ค.2519 ข้อ 3, 6,7 การกระทำของผู้ต้องหาที่ 3 เป็นความผิดฐาน "เป็นผู้ใช้จ้างวานให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน" อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80,83,84,288,289 (4)
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนยังระบุว่า ได้สอบสวนผู้ต้องหามาจะครบกำหนด 48 ชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่เสร็จ จะต้องสอบปากคำพยานอีก 10 ปาก รอผลตรวจพิสูจน์ของกลาง และรอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือ และประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา จึงขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 5-16 มิ.ย.67 ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง หากได้รับการปล่อยชั่วคราว เกรงจะหลบหนีและยากต่อการติดตรมตัวมาดำเนินคดีในภายหลัง ส่วนญาติผู้ตายก็ยื่นคัดค้านการประกันด้วยเหตุผลเดียวกัน ซึ่งศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้ตามคำร้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อหมดเวลาทำการ ปรากฏว่าในวันนี้ไม่มีญาติ หรือทนายความของ น.ส.วรรณิภา หรือเจ๊มด กับพวกรวม 3 คน มายื่นคำร้องและหลักทรัพย์ขอประกันตัวจากศาลแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวทั้งสามไปคุมขังไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง และเรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป