กรมชลประทาน เดินหน้าพัฒนาบึงละหาน จ.ชัยภูมิ สร้างระบบกักเก็บน้ำ แก้ปัญหาภัยแล้ง-น้ำท่วม พุ่งเป้าเพิ่มน้ำต้นทุนได้อีก 22.5 ล้าน ลบ.ม.
บึงละหาน วันนี้(6 มิ.ย.2567) นายชูชาติ รักจิตร อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทาน ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามแผนหลักการพัฒนาและฟื้นฟูบึงละหาน จังหวัดชัยภูมิ (ปี 2565-2570) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโครงการแก้มลิงขนาดใหญ่ที่สำคัญที่เชื่อมโยงกับแม่น้ำชี เพื่อฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติและแม่น้ำลำคลองทั้งระบบ โดยใช้บึงแห่งนี้เป็นพื้นที่ชะลอน้ำและรองรับน้ำในช่วงฤดูฝน พร้อมเก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์ในช่วงฤดูแล้ง ที่ผ่านมาได้เข้าไปพัฒนาและก่อสร้างระบบชลประทานในพื้นที่บ้างแล้ว อาทิ การขุดลอกและปรับปรุงแก้มลิง การก่อสร้างประตูระบายน้ำ อาคารบังคับน้ำ สถานีสูบน้ำ ฝาย ตลอดจนการปรับปรุงภูมิทัศน์และถนนรอบบึงละหาน เป็นต้น โดยระยะต่อไป ได้เตรียมแผนพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำบึงละหาน ด้วยการขุดลอกแก้มลิงบึงละหาน (ระยะที่ 1) การเพิ่มระดับเก็บกักสูงขึ้นอีกประมาณ 50 เซนติเมตร และการปรับปรุงทำนบดินรอบบึงละหาน หากดำเนินการแล้วเสร็จทั้งระบบตามแผนฯ จะสามารถเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนได้มากขึ้นอีกประมาณ 22.50 ล้าน ลบ.ม. มีพื้นที่รับประโยชน์กว่า 21,500 ไร่
ทั้งนี้ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีกำหนดการลงพื้นที่ไปติดตามความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างและแนวทางพัฒนาแหล่งน้ำของกรมชลประทาน พร้อมรับฟังปัญหา ความต้องการ และแนวทางการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ในวันที่ 8-9 มิถุนายน 2567 นี้
สำหรับ บึงละหาน เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่มากถึง 18,181 ไร่ สามารถเก็บกักน้ำได้ 25 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) ครอบคุลมตำบลละหาน ตำบลหนองบัวใหญ่ ตำบลหนองบัวบาน และตำบลบ้านกอก อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ มีลักษณะเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ จึงมีความหลากหลายของระบบนิเวศ และเป็นแหล่งน้ำต้นทุนให้แก่ประชาชนในพื้นที่อำเภอจัตุรัส นอกจากนี้ ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญ ทำให้บึงแห่งนี้มีประโยชน์มากมาย แต่บึงละหานมักเผชิญปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมเป็นประจำ เนื่องจากไม่มีระบบเก็บกักน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง ประกอบกับบึงมีสภาพตื้นเขิน ไม่สามารถเก็บกักน้ำได้เต็มศักยภาพ พอถึงช่วงฤดูน้ำหลาก น้ำในแม่น้ำชีจะเอ่อล้นเข้าสู่ลำห้วยคลองยายแก้วและลำคันฉู ทำให้น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรบริเวณรอบบึง
