"ทนายอนันต์ชัย" พานักเรียนหญิงขึ้นโรงพักเมืองสมุทรสาคร ตามคดี ผอ.โรงเรียน ลวนลามนักเรียนทั้งการกระทำ-คำพูด เดือดตำรวจสอบเด็กไม่มีทีมสหวิชาชีพ เตือน ผอ. อย่าได้คิดไปข่มขู่เด็ก
7 มิ.ย. 67 เมื่อเวลาประมาณ 16.30 น. ที่ผ่านมา นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความชื่อดัง ได้พาลูกความเป็นผู้ปกครองเด็กนักเรียนหญิงรายหนึ่ง พร้อมด้วย ผู้เสียหายคือ เด็กนักเรียนหญิง 2 คน และเพื่อน ๆ ที่เป็นพยานอายุระหว่าง 11-15 ปี จากโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เดินทางมาที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร เพื่อพบกับ พ.ต.อ.พิเชษฐ์พงศ์ แจ้งค้ายคม ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร และ ร.ต.อ.รุ่งเรือง เฮงฮู้ รองสารวัตรสอบสวน ผู้ปฏิบัติหน้าที่พนักงานสอบสวนในคดี ผ.อ.โรงเรียนดังกล่าว ก่อเหตุลวนลามเด็กนักเรียนหญิง ทั้งการกระทำและคำพูด อีกทั้งยังได้มีการพูดจาข่มขู่กลุ่มเด็กนักเรียนให้เกิดความหวาดกลัว ภายหลังจากที่กระทำการอันไม่เหมาะสมดังกล่าวแล้ว
ซึ่งในการติดตามความคืบหน้าวันนี้ ก็ได้มีพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสมุทรสาคร ,หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวฯ และปลัดอำเภอเมืองสมุทรสาคร (ผู้แทนกรมการปกครอง) เข้าร่วมรับฟังด้วย ซึ่งทั้งหมดได้มีการพูดคุยกันนานกว่า 30 นาที จึงได้ข้อสรุปแนวทางการสืบสวนคดี และพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้นนี้
ทนายอนันต์ชัย เปิดเผยว่า วันนี้ผมได้เดินทางมาที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร ด้วยตนเอง เพื่อติดตามเกี่ยวกับกรณีที่ ผอ.โรงเรียนฯ ถูกกล่าวหาว่าทำอนาจารและลวนลามเด็กนักเรียนหญิงภายในโรงเรียนประมาณ 2-3 คน ซึ่งเรื่องนี้ได้เกิดมาตั้งนานแล้ว และก็มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งมอบเรื่องให้ผมมาดำเนินการ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางผมก็ได้ติดต่อมาทางพนักงานสอบสวน และ ผู้กำกับฯ ให้ดูเรื่องนี้ให้ด้วย แต่ปรากฏว่าเมื่อวานนี้มีการสอบสวน อาจจะมีข้อผิดพลาดบางอย่างในส่วนของพนักงานสอบสวน ที่ไม่ได้ทำตาม ป.วิอาญา มาตรา 133 ทวิ ในการนำทีมสหวิชาชีพเข้าร่วม
ดังนั้น จึงได้มีการหารือกันใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดความคลาดเคลื่อนเช่นนี้อีก และให้เป็นไปตามหลักกฎหมาย พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กและเยาวชน พร้อมกันนี้ยังได้ขอให้มีการเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนใหม่ โดยขอให้เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายเกี่ยวกับเด็ก และขอให้ทำการสอบสวนเด็กนักเรียนผู้เสียหายใหม่ ซึ่งต้องมีทีมสหวิชาชีพ เข้ามาร่วมด้วย นอกจากนี้ยังมีเด็กนักเรียนอีกหลาย ๆ คน ที่ได้กล่าวหาว่า ผอ.โรงเรียน คนนี้ มีพฤติกรรมทำอนาจารเด็ก แต่ทั้งนี้จะจริงเท็จอย่างไรนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานและแนวทางการสืบสวน สอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงทางผู้บังคับบัญชาโดยตรง คือ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ที่จะต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ทำเรื่องนี้ให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม
ทนายอนันต์ชัย ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ทางด้านของ ผอ.นั้น อย่าได้คิดข่มขู่เด็กโดยเด็ดขาด เพราะที่รู้มามีการข่มขู่เด็กนักเรียนผู้เสียหายด้วย ซึ่งทางตนมีเทปที่ทาง ผอ.ไปคุยกับคน ๆ หนึ่งแล้ว แต่ยังไม่ขอเปิดเผยต่อสื่อมวลชน ซึ่งหากเรื่องนี้ทาง ผอ.ยังข่มขู่เด็ก และทางผู้บังคับบัญชายังไม่จัดการให้เด็ดขาด ตนเองก็พร้อมลุยสู้เพื่อเรียกร้องความธรรมให้กับทางผู้ปกครองและเด็กผู้เสียหาย รวมถึงยังฝากเตือนไปยังสำนักเขตฯ ด้วยว่า อย่าช่วยเหลือคนผิด อย่าปกปิดการกระทำที่ทำให้เกิดความเสียหายดังกล่าว ตนเองไม่ปล่อยไว้ จะไปหาถึงสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร อย่างแน่นอน
ส่วนทางด้าน พ.ต.อ.พิเชษฐ์พงศ์ แจ้งค้ายคม ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร กล่าวว่า ในส่วนของทางโรงพักนั้น คดีเด็กเป็นคดีที่ทางโรงพักและตนให้ความใส่ใจในเรื่องนี้ ซึ่งจะเร่งรัดในเรื่องของการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในเรื่องของคดี และก็ให้ความมั่นใจกับทางผู้ปกครองและเด็ก ๆ ว่า ทางตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสาคร จะดำเนินการทางคดีอย่างตรงไปตรงมาและจะเร่งรัดดำเนินการให้
