ตำรวจสอบสวนกลาง รวบแก๊งเงินกู้นอกระบบ คิดดอกเบี้ย ร้อยละ 20 ต่อ 24 วัน สวมชุดไรเดอร์ขี่รถร่อนนามบัตร โปรยเกลื่อนหน้าบ้านทุก เช้า-เย็น
วันนี้ ( 14 มิ.ย.67) ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) และตำรวจกองกำกับการ 5 ปอศ. พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้น ร่วมกันจับกุม นายอภิชาต อายุ 33 ปี และนายสุรศักดิ์ อายุ 24 ปี ในความผิดฐาน ประกอบธุรกิจสินเชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ยึดของกลาง สมุดบัญชีธนาคาร ,โทรศัพท์มือถือ ,สมุดบันทึกข้อมูลลูกหนี้ ,โน๊ตบุ๊ก ,นามบัตรเงินกู้ และสัญญาเงินกู้ โดยจับกุมได้ในท้องที่เขตจอมทอง จังหวัดกรุงเทพมหานคร
สืบเนื่องจากช่วงเดือนมีนาคม 2567 มีการโพสต์คลิปวิดีโอ พร้อมข้อความว่า “ไม่ไหวแล้ว แก๊งเงินกู้นอกระบบ ร่อนนามบัตร โปรยเกลื่อนหน้าบ้านเช้า-เย็น” จนคลิปดังกล่าวถูกแชร์ไปในสื่อโซเชียล และมีคนมาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ประกอบกับมีผู้เสียหายจำนวนมาก ร้องเรียนเข้ามา ที่ศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับพฤติกรรมเจ้าหนี้ นอกระบบซึ่งปล่อยเงินกู้ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร และสร้างความเดือดร้อนในแก่ประชาชนทั่วไป
ตำรวจสืบสวนจนพบว่า กลุ่มคนร้ายได้ที่โปรยนามบัตรดังกล่าว เพื่อชักชวนให้ประชาชนเข้าไปกู้เงิน จะมีการออกมาโปรยใบปลิวในช่วงเช้ามืด และช่วงเย็น ตามสถานที่ที่มีประชาชนพลุกพล่าน โดยมีกลุ่มเป้าหมายเน้นไปที่กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจรายย่อย ที่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนถูกกฎหมายได้ โดยคิดอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 20 ต่อ 24 วัน เช่น เงินกู้ 10,000 บาท ต้องจ่ายดอกเบี้ยรวมเงินต้นทุกวัน วันละ 500 บาท จนครบ 24 วัน คิดเป็นเงิน 12,000 บาท หรือ ดอกเบี้ย ร้อยละ 304 ต่อปี ซึ่งเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด หากลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ ก็จะใช้วิธีการโทรศัพท์ขมขู่ และไปกดดันผู้กู้ถึงที่บ้านและที่ทำงาน ตำรวจจึงรวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายค้น ที่บ้านพักในเขตจอมทอง ตรวจยึดพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สอบปากคำนายนายอภิชาต รับว่าเป็นผู้ให้เงินทุนกับนายสุรศักดิ์ นำไปปล่อยเงินกู้ให้กับผู้ที่สนใจและต้องการเงินทุนในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ในส่วนของนายนายสุรศักดิ์ มีหน้าที่หาลูกค้าโดยการโปรยนามบัตรตามสถานที่ต่าง ๆ โดยมุ่งเน้นกลุ่มพ่อค้า แม่ค้าทั่วไปที่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน จึงถูฏแจ้งข้อหา ฐานร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ.ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
