สนามข่าว 7 สี - ตำรวจสอบสวนกลาง จัดกำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษหลายชุด คุมเข้มนำผู้ต้องหา 8 คน จากคดีขโมยเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน ขึ้นเครื่องบินด่วนมาดำเนินคดีที่กรุงเทพฯ กลางดึก เตรียมสอบปากคำเพิ่ม และส่งฝากขังวันนี้
พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยตำรวจกองบังคับการปราบปราม และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษมัจฉานุ ตำรวจน้ำ พร้อมยุทโธปกรณ์ครบมือคอยคุ้มกันความปลอดภัย นำตัวผู้ต้องหา 8 คน ที่เป็นไต้ก๋ง และลูกเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนของกลางที่หายไป เดินทางไปที่กองบิน 56 จังหวัดสงขลา เพื่อขึ้นเครื่องบินมาสอบปากคำต่อยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่กรุงเทพฯ
โดยทันทีที่เครื่องเดินทางมาถึง ผู้ต้องหาทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด และไม่ตอบคำถามใด ๆ กับทีมข่าว
ด้าน พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาทุกคนก็ให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก แต่ประเด็นหลักที่ตำรวจกองปราบปราบจะสอบสวนเพิ่มเติมคือเรื่องการขยายผลถึงผู้บงการ ซึ่งจะมีการส่งตัวฝากขังภายในวันนี้
ส่วนความคืบหน้าทางคดีเมื่อวานนี้ ตำรวจ บก.ปอศ., ตำรวจกองบังคับการปราบปราม และอัยการคดีเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน มีการหารือความคืบหน้าในการดำเนินคดี ได้ข้อสรุปว่าจะยังไม่มีการออกหมายจับใครเพิ่มเติม แต่ต้องรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดคนสั่งการ 1 คน โดยต้องพิสูจน์ทราบตัวบุคคลให้ชัดเจนว่า นาย จ. เป็นใคร แต่ยืนยันว่าไม่ใช่ เสี่ยโจ้ ปัตตานี
ส่วนลูกเรือที่หายไปกับเรือ 3 ลำจะต้องถูกเอาผิดทั้ง 2 คดี คือ คดีน้ำมันเถื่อน และลักเรือของกลาง ส่วนของกลางน้ำมันที่ได้กลับมาไม่ครบ ไม่กระทบต่อสำนวนคดี เพราะทางตำรวจได้ตรวจสอบน้ำมันของกลางไปแล้วก่อนที่เรือจะหายไป และสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องไปกว่า 10 ปาก
ส่วนที่หลายคนสังเกตว่า "เรือซีฮอต" ถูกแปลงสภาพสีตามจุดต่าง ๆ ของเรือ จากสีแดงเป็นสีเขียว เขาไปเปลี่ยนตอนไหน เรื่องนี้ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง บอกว่า ผู้ต้องหาบนเรือสารภาพ หลังนำเรือหลบหนีออกมาจังหวัดชลบุรีได้ ก็นำเรือเข้าสู่น่านน้ำกัมพูชา คนบนเรือได้นำสีและอุปกรณ์ที่จัดเตรียมมาจากที่ไทยและที่กัมพูชา ช่วยกันทาสีอำพรางระหว่างที่เรือแล่นอยู่กลางทะเล ทาไป หนีไป ตอนแรกจะเสร็จภายใน 2-3 วัน แต่ไปเจอพายุฝน เลยผิดแผน สภาพเรือจึงไม่เนียนอย่างที่เห็นในภาพ