มท.1 กำชับปกครอง ท้องถิ่น เข้มมาตรการความปลอดภัยการละเล่นบั้งไฟ ขณะที่ร้อยเอ็ด จัดงานยิ่งใหญ่คึกคักป้องกันเหตุทุกทาง
วันนี้ (22 มิ.ย.67) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ขณะนี้หลายพื้นที่ในภาคอีสานยังมีการละเล่นบั้งไฟตามประเพณี ซึ่งบุญบั้งไฟเป็นประเพณีอันดีงามที่พี่น้องชาวอีสานมีการละเล่นสืบทอดมายาวนาน แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยน เทคโนโลยีต่างๆเปลี่ยน ทำให้สารประกอบ รวมถึงกรรมวิธีการทำบั้งไฟก็เปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้ตัวบั้งไฟพุ่งสูงและลอยตัวในอากาศนานขึ้น ทำให้พบว่าหลายครั้งเมื่อเกิดอุบัติเหตุอานุภาพการระเบิดจะรุนแรงเกิดความเสียหายมากกว่าในอดีต รวมถึงเกิดกรณีที่การจุดบั้งไฟได้ไปรบกวนเส้นทางการบิน จนอาจเกิดอันตราย
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กำชับให้ฝ่ายปกครองและท้องถิ่นร่วมกันดูแล พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเกิดความตระหนักในเรื่องความปลอดภัย ลดโอกาสเกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน ประชาชน ต้องอยู่ในพื้นที่กำหนดในการชมบั้งไฟที่ปลอดภัยมีมาตรการลงโทษเมื่อมีการฝ่าฝืน ตลอดจนผู้จัดงานควรแผนเผชิญเหตุกรณีเกิดอุบัติเหตุรูปแบบต่างๆ ด้วย
ขณะที่จังหวัดร้อยเอ็ด นักท่องเที่ยวจำนวนมากคนได้เดินทางไปชมการจุดบั้งไฟที่อำเภอพนมไพร ซึ่งเป็นจุดบั้งไฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกถึง 1,028 บั้ง เพื่อเป็นการถวายต่อองค์พระมหาธาตุวัดกลางอุดมเวทย์
การจัดงานปีนี้ คณะกรรมการฯได้เข้มงวดในเรื่องของความปลอดภัยโดยมีการกั้นพื้นที่ในส่วนของฐานจุดบั้งไฟเอาไว้เป็นบริเวณกว้างกว่าเดิม ทั้งนี้เนื่องจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็มีบั้งไฟแสนระเบิดที่อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 10 คน นอกจากนั้นยังมีการจัดทำเสียงตามสายถ่ายทอดเสียงทางสถานีวิทยุในพื้นที่และมีลำโพงติดตั้งเอาไว้หลายจุด เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์และแจ้งเตือนให้ประชาชนได้ระมัดระวังหากมีบั้งไฟเปลี่ยนทิศทางเข้ามาใกล้บริเวณที่ประชาชนไปชมบั้งไฟอยู่ก็จะได้ระมัดระวังตัวเองให้ปลอดภัย นอกจากนั้นยังมีการทำคันดินสูงประมาณ 1.5 เมตรรอบหน้าฐานจุดเพื่อป้องกันอันตายสำหรับผู้ที่ยืนชมการจุดอยู่หน้าฐานจุดด้วย
