จากกรณีที่โซเชียลมีเดียมีการแชร์คลิปวิดีโอ พร้อมเขียนข้อความระบุว่า "พนักงานเก็บขยะหญิงสาวรายหนึ่ง นอนหงายกับพื้น และร้องด้วยความเจ็บปวด หลังถูกสุนัขพิตบูล 2 ตัว รุมกัดจนได้รับบาดเจ็บ มีเพื่อนพนักงานผู้ชายช่วยกันปฐมพยาบาล และปลอบใจอย่างใกล้ชิด ก่อนจะถูกนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาล แห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี“
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (23 มิ.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สามีของ น.ส.อารีย์ ยงญาติ อายุ 40 ปี พนักงานเก็บขยะเทศบาลบางศรีเมือง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว ต้องอุ้ม น.ส.อารีย์ ขึ้นลง สภ.บางศรีเมือง ด้วยความทุลักทุเล เนื่องจาก น.ส.อารีย์ ไม่สามารถเดินด้วยตัวเองได้ โดยร้องบอกอยู่ตลอดว่าเจ็บปวดบริเวณแผล ระบมมาก แม้จะได้รับการรักษาแล้ว แต่ยิ่งนับวันแผลยิ่งติดเชื้อเป็นหนอง ยิ่งเจ็บปวดระบม
น.ส.อารีย์ บอกว่า วันนี้ตั้งใจเดินทางมาที่ สภ.บางศรีเมือง เนื่องจากมาแจ้งความเอาผิดกับเจ้าของสุนัขพันธุ์พิตบูล ที่ปล่อยปละละเลยสัตว์ดุร้ายให้มากัดตน ขณะปฏิบัติหน้าที่ไปเก็บขยะให้ที่บริเวณหน้าบ้าน โดยจำเป็นต้องแจ้งความไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง เพราะบาดแผลค่อนข้างเยอะ ปวดระบม เริ่มติดเชื้อ กลัวว่าจะเป็นอะไรมากกว่านี้ แล้วจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และยืนยันว่าก่อนหน้านี้ตนไม่เคยพูดเลยว่าไม่ติดใจเอาความกับเจ้าของสุนัข บอกแต่เพียงว่าเจ้าของสุนัขได้นำเงินมาให้ตน 6,000 บาท เป็นค่าเสียโอกาสในการทำงาน 7 วัน และค่าเดินทางไปล้างแผล และไปหาหมอตามนัด
น.ส.อารีย์ ยังบอกอีกว่า จากอาการบาดเจ็บของตน และความรู้สึกที่ไปปฏิบัติหน้าที่แล้วถูกสุนัขที่มีนิสัยดุร้ายวิ่งเข้ามากัด เป็นความประมาทของเจ้าของบ้าน ที่รู้อยู่แล้วว่าสุนัขมีนิสัยดุร้าย แต่ก็ยังเปิดประตูไว้ หรือถ้าจะเปิดประตูก็ควรจะล่ามโซ่ ทำให้วันนี้ตนตัดสินใจเดินทางมาแจ้งความเอาผิดเจ้าของสุนัข ที่ปล่อยปละละเลย ประมาทเลินเล่อ จนทำให้ตนบาดเจ็บหนัก ไม่สามารถไปทำงานได้อีกหลายวัน และรู้สึกขวัญผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับตามตรงว่าเงิน 6,000 บาท ไม่คุ้มค่ากับความรู้สึก และการเสียเวลาที่ต้องเดินทางไปหาหมอ และไม่ได้ไปทำงานหาเงิน หนำซ้ำยังลำบากคนที่บ้าน ทั้งแม่และสามีที่ต้องคอยดูแล เพราะตนเดินไม่ได้ ยังเจ็บแผลอยู่มาก ส่วนเจ้าของสุนัขไม่สามารถติดต่อได้เลย
ด้าน พ.ต.ท.เศรษฐหาญ เศรษฐภากรณ์ รองผกก.สส.สภ.บางศรีเมือง ลงมาดูกรณีนี้ด้วยตัวเอง ได้ให้ความมั่นใจกับ น.ส.อารีย์ ว่าจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย โดยหลังจากนี้จะเรียกคู่กรณีมาสอบปากคำ ว่าเหตุใด สุนัขถึงหลุดออกมากัดได้ และเรื่องนี้เกิดจากความประมาทเลินเล่อของเจ้าของสุนัขหรือไม่ หากพบว่าเป็นการปล่อยปละละเลย เจ้าของสุนัขก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอาญา และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็จะเปิดโอกาสให้คู่กรณีและผู้บาดเจ็บได้เจรจาไกล่เกลี่ยค่าสินไหมทดแทนเอง ส่วนกรณีที่ น.ส.อารีย์ กังวลใจเรื่องที่มาแจ้งความ และจะมีผลต่อการปฏิบัติหน้าที่นั้น เชื่อว่าทางหัวหน้างานของทางเทศบาล ไม่น่ามีพฤติกรรม ลักษณะนั้น น่าจะเชื่อมั่นเชื่อใจ และอยู่เคียงข้างลูกน้องมากกว่า เพราะการแจ้งความเป็นสิทธิของผู้เสียหายทุกกรณี
