รวบรถบรรทุกดิน น้ำหนักเกินเกือบ 10,000 กก.

รวบรถบรรทุกดิน น้ำหนักเกินเกือบ 10,000 กก.

View icon 116
วันที่ 25 มิ.ย. 2567 | 15.48 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ตรวจเมื่อไหร่มีให้จับเมื่อนั้น รถบรรทุกดินน้ำหนักเกินเกือบ 10,000 กก. ตัวการทำถนนทรุดผลานงบรัฐฯ ซ่อม 

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) จับกุมตัว นาย ธีรพงษ์ ฯ อายุ 35 ปี โดยกล่าวหาว่า “ใช้ยานพาหนะน้ำหนักลงเพลาเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด”

พร้อมด้วยของกลาง คือ รถบรรทุกสิบล้อ ไม่ประจำทาง สี ขาว จำนวน 1 คัน พร้อมดินที่บรรทุกมากับรถ น้ำหนักรวม 34,390 กิโลกรัม

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ออกตรวจบนถนนมาลัยแมน เขตพื้นที่ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ได้พบรถบรรทุกสิบล้อ สีขาว ลักษณะบรรทุกดินมาจำนวนมาก และใช้ความเร็วสูง เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง จึงได้เรียกให้หยุดรถเพื่อขอตรวจสอบ

แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ส่งสัญญานมือ และเปิดสัญญานไฟวับวาบให้จอด ผู้ขับขี่รถบรรทุกมีที่พิรุธ ไม่ยอมจอด มีการขับ ๆ เบรก ๆ คล้ายถ่วงเวลาเพื่อไม่ให้ตำรวจทางหลวงเกิดความยากลำบากในการเรียกตรวจสอบน้ำหนักดินที่บรรทุกมา
จนเจ้าหน้าที่ได้ออกคำสั่งผ่านเครื่องขยายเสียงของรถวิทยุตำรวจทางหลวง ทำให้ผู้ขับขี่รถบรรทุกยอมจอด จากการตรวจสอบทราบชื่อผู้ขับขี่ คือ นาย ธีรพงษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงจึงได้นำรถบรรทุกไปเข้าชั่งเพื่อตรวจสอบน้ำหนัก พบว่า รถบรรทุกคันดังกล่าว มีน้ำหนักรวม 34,390 กิโลกรัม ในขณะที่น้ำหนักตามกฎหมายบรรทุกได้แค่ 25,000 กิโลกรัม ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไป 9,390 กิโลกรัมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบ พร้อมตรวจยึดรถบรรทุกและสิ่งของที่บรรทุกไว้เป็นของกลางส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรกำแพงแสน อำเภอกำแงแสน จังหวัดนครปฐม  เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สอบถาม คำให้การเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่าตนประกอบอาชีพรับจ้างขับรถบรรทุก โดยในครั้งนี้ตนได้บรรทุกดินมาจากบ่อดินแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม โดยตนเองทราบอยู่แล้วว่าดินที่บรรทุกมามีน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด แต่เห็นว่าระยะทางที่นำดินไปถม มีระยะทางไม่มาก ประมาณ 10 กม. ไม่คิดว่าจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงตรวจพบ

ผลเสียจากการบรรทุกน้ำหนักเกินมากกว่าการที่ถนนทางหลวงชำรุดเสียหายต้องสูญเสียงบประมาณภาครัฐในการซ่อมแซมและบำรุงรักษา ยังก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยทั้งผู้ขับขี่และผู้ใช้ถนนร่วมทางเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน มาใส่ใจผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อตนเองและเส้นทางที่ท่านใช้กันนะครับ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง