ธปท. แนะจัดสรรงบ 68 ตามความจำเป็น รักษาพื้นที่ทางการคลัง เพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
วันนี้ (26มิ.ย.67) ในการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ที่รัฐสภา มีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะรองประธานกรรมาธิการ ฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม
กระทรวงการคลัง ชี้แจงประมาณการรายได้ ปี 2568 ว่าเป็นการประเมินจากพื้นฐานของจีดีพี ณ วันที่ประเมิน ซึ่งคาดการณ์ว่าในปี 2568 จะสามารถจัดเก็บรายได้ประมาณ 2.88 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ปี 2567 ที่ 3.6%
ขณะที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มในการขยายตัวจากภาคการท่องเที่ยว คาดว่า จะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ที่ 39.5 ล้านคน โดยประเมินการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2568 อยู่ที่ 3% ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อ 1.3 % แต่ยังมีปัจจัยด้านลบที่ได้รับผลกระทบจากการค้าโลก โดยเฉพาะปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจรุนแรงขึ้น จนกระทบการส่งออก การผลิต และ ต้นทุนของการขนส่งสินค้า
ธปท. ด้วยประเมินว่า ภาคการส่งออกขยายตัวในระดับต่ำ โดยสินค้าส่งออกบางกลุ่มมีแรงกดดันเพิ่มจากการแข่งขันที่สูงขึ้น ส่วนภาวะการเงินโดยรวมยังทรงตัว สินเชื่อและธุรกิจโดยรวมขยายตัว สินเชื่อครัวเรือนชะลอตัวลง ส่วนหนึ่งสอดคล้องกับกระบวนการปรับลดหนี้ครัวเรือนต่อรายได้ ทั้งนี้ ต้องติดตามธุรกิจเอสเอ็มอีและครัวเรือนรายได้น้อยบางกลุ่ม ที่ต้องเผชิญกับภาวะเงินตึงตัวขึ้น
ส่วนเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ จะเปราะบางมากขึ้น จากการก่อหนี้ที่เพิ่มขึ้นในระยะต่อไปจึ งควรให้ความสำคัญกับการเพิ่มรายได้ของรัฐอย่างเป็นรูปธรรม และใช้นโยบายที่ก่อให้เกิดการสูญเสียรายได้เท่าที่จำเป็น รวมถึงการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายตามความจำเป็นเร่งด่วน และสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อรักษาพื้นที่ทางการคลัง สำหรับรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
ขณะที่ สำนักงบประมาณ ระบุว่า งบประมาณปี 2568 จัดสรรตามนโยบายรัฐบาล 142 ประเด็น วงเงิน 2.54 ล้านล้านบาท คาดการณ์ว่าจีดีพีของประเทศจะโตขึ้นเฉลี่ย 5% และก้าวเข้าสู่การเป็นประเทศรายได้สูง ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีสวัสดิการที่เหมาะสมเลี้ยงชีพได้ เช่น โครงการดิจิทัล Wallet ที่จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้เงินหมุนเวียนในระบบ ช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพ เป็นต้น
