จับแล้ว ลุงวัย 41 ใช้คัตเตอร์ทำร้าย ก่อนข่มขืนหลานสาว 10 ขวบ อ้างทำไปเพราะรัก หลังถูกจับวิ่งหนีเข้าป่า ล่าสุด ตำรวจจับได้อ้างอีกครั้ง ไม่ได้ตั้งใจ
จากกรณี น.ส.พร อายุ 33 ปี จ.ปราจีนบุรี ได้ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนว่า ลูกสาววัย 10 ขวบ ถูกลุงใช้มีดคัตเตอร์ทำร้ายร่างกาย ก่อนทำการข่มขืนลูกสาวที่บ้านพักของตนเอง และยังข่มขู่ว่าหากนำเรื่องนี้ไปบอกใครก็จะฆ่าทิ้งทั้งบ้าน ทำให้ลูกสาวไม่กล้าที่จะบอกแม่และยาย นั้น หลังถูกจับได้ผุ้ก่อเหตุหลบหนีไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ลุงวัย 41 ใช้คัตเตอร์ทำร้าย ก่อนข่มขืนหลานสาว 10 ขวบ อ้างทำไปเพราะรัก
ช่วงบ่าย วันนี้ (26 มิ.ย. 67) พ.ต.อ.ทนงศักดิ์ คำมาตย์ ผกก.สภ.เมืองปราจีนบุรี สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ เพื่อติดตามจับกุมตัว นายพรสถิตย์ อายุ 41 ปี เป็นลุงของผู้เสียหาย ข้อหา “พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อ การอนาจาร, พาเด็กเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร,ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้, กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมีใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม”
ในที่สุดทางเจ้าหน้าที่สามารถจับตัว นายพรสถิตย์ ได้ในพื้นที่อำเภอกบินทร์บุรี ในระหว่างการเดินทางผู้ต้องหาได้ร้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้พาตัวไปพบกับนายก้องเกียรติ ฤกษ์ดารา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.โคกไม้ลาย เพื่อให้ผู้ใหญ่บ้านได้เดินทางไปพร้อมกับตนเองที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี ในระหว่างการนำผู้ต้องหามาที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า ยอมรับว่าได้ข่มขืนหลานและมีอะไรจะขอโทษหรือไม่ แต่นายนายพรสถิตย์ ไม่ยอมปริปากแต่อย่างใด
นายก้องเกียรติ ฤกษ์ดารา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 เล่าว่า ตนเองได้พบและคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อช่วยตามหาตัวผู้ต้องหา ซึ่งได้ตามหาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว โดยการโทรศัพท์ติดต่อไปหลายสาย แต่ผู้ต้องหาไม่ยอมรับสาย จึงได้ให้ทางญาติผู้ต้องหาติดต่อไป จนผู้ต้องหายอมรับสาย ซึ่งตนได้พูดคุยกับผู้ต้องหา และพูดคุยว่าให้ยอมมอบตัวดีกว่า อย่าหนีอีกเลย ผู้ต้องหาจึงยอมบอกตำแหน่งที่ซ่อนบริเวณ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัว แต่ระหว่างทางผู้ต้องหาได้ขอให้ จนท.ตำรวจพาไปพบผู้ใหญ่บ้านที่บ้านของตนเองเพื่อพูดคุยก่อน จากที่ตนเองได้พูดคุยกับผู้ต้องหา แจ้งว่าเค้ายอมรับว่าได้ทำจริงแต่ไม่ได้ตั้งใจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้พาตัวมายัง สภ.เมืองปราจีนบุรีเพื่อสอบสวนและดำเนินคดีต่อไป
