สนามข่าว 7 สี - มีกระแสข่าวว่าคดีเรือน้ำมันเถื่อน ผู้บังคับบัญชาเป็นคนสั่ง ลูกน้องเป็นคนทำ แล้วพยานหลักฐานจะสาวถึงได้อย่างไร ซึ่งผลการประชุมเรื่องการดำเนินคดีที่ออกมาเมื่อวาน เหมือนจะย้ำคำพูดนี้ แต่ตำรวจที่ทำคดีเอง ยืนยัน ว่าเรื่องที่เกิดขึ้น มาจากผลของการกระทำจริง ๆ
ใช้เวลาประชุม กว่า 2 ชั่วโมง ผลลัพธ์ที่ออกมาสรุปว่า ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับตำรวจน้ำ 3 นาย ส่วนคดีละเมิด หรือเรียกร้องค่าเสียหาย ในคดีแพ่ง ต้องรอให้การดำเนินการวินัยร้ายแรงเสร็จสิ้นก่อน, เรื่องการดำเนินคดีฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ม.157 ให้ กองบังคับการตำรวจน้ำ แจ้งความร้องทุกข์เอาผิดตำรวจชั้นประทวน 2 นาย ที่เฝ้าเรือ เพราะพบว่าบกพร่องต่อหน้าที่ ไม่เข้าเวรยาม ส่วนสารวัตรสถานี ตรวจสอบแล้วยังไม่เข้าข่ายความผิดนี้ ซึ่งหลังจากถูกดำเนินคดีแล้ว จะพิจารณาต่อไปว่า จำเป็นต้องมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนหรือไม่ และ ผลการนำโทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง ของตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ในวันนั้นไปตรวจสอบ ตรวจเสร็จแล้ว 90% ยังไม่เจอหลักฐานว่า มีใครเรียกรับส่วย หรือผลประโยชน์ เหลือเพียงโทรศัพท์ของ ผู้กำกับการ นายเดียวที่ยังตรวจสอบไม่เสร็จ เพราะข้อมูลมีจำนวนมาก
ส่วนเรื่องแช็ตหลุด ระหว่างตำรวจกับผู้ต้องสงสัย ในคดีนี้ ได้เรียก "พันตำรวจเอก วรเอก" หรือ "ผู้กำกับฯ เน่า" มาให้การแล้ว โดยเจ้าตัวรับว่าเป็นแช็ตของตัวเองกับ "เสี่ยโจ้" จริง แต่ไม่ได้พูดคุยเรียกรับผลประโยชน์ เนื้อหาเป็นการบอกปฏิเสธว่า ตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีจับกุมเรือน้ำมันเถื่อน 5 ลำ
ส่วนรายชื่ออื่นที่อยู่ในแช็ต ตรวจสอบแล้วพบ มีตัวตนจริงทั้งหมด ทั้ง ผู้การฯ เรือ "ส", "รองฯ สมพร" และ "หนุ่ม เพชรบุรี" โดยกุญแจสำคัญอยู่ที่ "นายหนุ่ม" ซึ่งเป็น ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบุรี และเป็นญาติ "เสี่ยโจ้" ที่ตอนนี้ยังติดต่อไม่ได้ แต่ได้ทำหนังสือเชิญตัวมาให้การไปแล้ว
ทั้งนี้ จากแนวทางการสืบสวน ตำรวจยังพบความเชื่อมโยงคดีน้ำมันเถื่อน และคดีเรือน้ำมันเถื่อน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ต้องหา 4-5 คน ที่คณะพนักงานสอบสวน จะส่งให้ตำรวจ บก.ปอศ. และอัยการ นำไปใช้พิจารณาออกหมายจับในสัปดาห์นี้ โดย 1 ในนั้นมี "เสี่ยโจ้" รวมอยู่ด้วย