ม.พิษณุโลก แถลงโต้ ไม่มีซื้อขายวุฒิการศึกษา จ่อดำเนินคดีทำให้เสียหาย

ไม่เกี่ยวข้อง ผู้บริหาร ม.พิษณุโลก แถลงยืนยันไม่มีซื้อขายวุฒิการศึกษา จ่อดำเนินคดีทำให้เสียหาย พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง

วันนี้ (3 ก.ค.67) ที่มหาวิทยาลัยพิษณุโลก ดร.มานพ เกตุเมฆ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยพิษณุโลก พร้อมด้วยนายชาตรี จำลองกุล นิติกรมหาวิทยาลัยพิษณุโลก และ ว่าที่ ร.ต.ดร.สุนิมิต ชุ่มพงษ์ คณบดีคณะรัฐประศาสนศาสตร์  มหาวิทยาลัยพิษณุโลก ร่วมแถลงข่าวกรณีที่มี ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความแฉว่า มีผู้เสียหายรายหนึ่งถูกประธานมูลนิธิดัง แอบอ้างขายวุฒิการศึกษาปริญญาตรี มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในราคา 200,000 บาท ซึ่งประธานมูลนิธิคนนี้ จะได้เปอร์เซ็นต์จากเงินส่วนนี้ด้วย และยังมีการแอบอ้างซื้อขายตำแหน่งในรัฐสภา ราคา 60,000 บาท กระทั่งปัจจุบันเมื่อมีการทวงถามไปก็ตอบบ่ายเบี่ยง นั้น  

ดร.มานพ เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยพิษณุโลกยืนยันว่าไม่เป็นเรื่องจริง การซื้อขายวุฒิการศึกษาไม่มี การพูดของนักศึกษาทำให้ ม.พิษณุโลกได้รับความเสียหาย นิติกรมหาวิทยาลัยจะดำเนินการทางกฎหมายทันที ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า นักศึกษารายดังกล่าว เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยพิษณุโลกจริง โดยมีการสมัครเรียน เมื่อวันที่ 8 พ.ย.66 และชำระเงินตามระเบียบของมหาวิทยาลัย แม้จะพึ่งเข้ามาเรียนในภาคเรียนที่ 2 ก็ตาม เราถือว่าเป็นนักศึกษาเรา แต่ยังไม่จบการศึกษา ยังคงมีสภาพการเป็นนักศึกษาอยู่ โดยมหาวิทยาลัยจะนำเรื่องนี้เข้าสู่การประชุมของมหาวิทยาลัย พร้อมทั้งกับดำเนินการตามกฎหมาย

ด้าน ว่าที่ร้อยตรี ดร.สุนิมิต กล่าวว่า นักศึกษาคนดังกล่าว ลงทะเบียนเป็นวงเงินทั้งสิ้น 130,000 บาท และค่าสมัครแรกเข้า 1,500 บาท  เรียนทั้งหมด 6 เทอม 3 ปี  41 รายวิชา ยืนยันว่าขณะนี้ยังเรียนอยู่ ยังไม่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแต่อย่างใด โดยเริ่มเรียนในภาคเรียนที่ 2 เมื่อปีการศึกษาที่ผ่านมา สำหรับเงินไม่ได้จ่ายเกินจากความเป็นจริง เป็นเงินที่จ่ายให้มหาวิทยาลัยตามปกติ คือ คนละ 130,000 บาท และค่าแรกเข้า 1,500 บาทเป็นไปตามหลักสูตรปริญญาตรีที่ได้เลือกเรียน ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยพยายามติดต่อนักศึกษาคนดังกล่าว แต่ไม่ยอมรับสาย อย่างไรก็ตาม จากภาพที่โชว์หัวกระดาษเป็นชื่อของมหาวิทยาลัยพิษณุโลกที่ได้จ่ายค่าแรกเข้า 1,500 บาท ซึ่งในเรื่องนี้ทำให้มหาวิทยาลัยพิษณุโลก เสียหายที่ไม่ชี้แจงว่าเอกสารดังกล่าวออกด้วยเรื่องอะไร คงต้องเรียกตัวมาพูดคุยกันว่าสิ่งที่ทำทำไปเพื่ออะไร ทางมหาวิทยาลัยอาจจะมีการฟ้องร้องดำเนินการตามกฏหมายต่อไป และเรื่องนี้คงต้องมีการสอบสวนข้อเท็จจริง

ผู้สื่อข่าวถามว่า มหาวิทยาลัย รู้จักกับประธานมูลนิธิหรือไม่ ดร.มานพ กล่าวว่า ไม่รู้จักกันมาก่อน และไม่รู้ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร เรื่องนี้มหาวิทยาลัยขอปฏิเสธ ส่วนที่อ้างว่าจ่าย 2 แสนบาท นักศึกษาไปแจ้งความเป็นการเรียกร้องเงินหรือไม่ ทางมหาวิทยาลัยยืนยันว่าไม่จริง มหาวิทยาลัยไม่ได้เก็บเงินเกินจริงจากค่าเทอมปกติ ส่วนการที่จะไปจ่ายให้กับนายหน้าหรือไม่ ทางมหาวิทยาลัยไม่ขอรับรู้ในเรื่องนี้ เป็นเรื่องของการดำเนินการของนักศึกษาดังกล่าว แต่ใครทำให้มหาวิทยาลัยเกิดความเสียหาย นิติกรจะดำเนินการทางกฎหมาย เพราะมหาวิทยาลัยไม่ใช่จะสร้างมาได้ง่าย ๆ เราปฏิบัติตามกฎหมาย ตามระเบียบ ทุกประการ