ลูกสาวสุดช้ำ ร้องสื่อ แม่ถูกลวงไปข่มขืน แจ้งความตำรวจคดีไม่คืบ ผ่านไปเกือบ 20 วัน พยานหลักฐานยังอยู่จุดเกิดเหตุเหมือนเดิม
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 14 กรกฎาคม 2567 ที่อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง น.ส.นก อายุ 29 ปี ขอเรียกร้องความเป็นธรรมหลังจากไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านค่าย จ.ระยอง ว่าแม่ถูกลวงข่มขืนแต่คดีไม่คืบ ตำรวจนิ่งไม่ดำเนินการใดๆ
น.ส.นก เล่าว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา แม่ของตนเอง อายุ 52 ปี ได้ถูกลวงออกจากบ้าน ไปตาม ถนนชากบก -เชิงเนิน ต.ชากบก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ซึ่งในระหว่างนั้นตนได้ตั้งร้านขายของอยู่ เมื่อถามเพื่อนบ้านจึงรู้ว่าแม่ได้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ไปกับผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งตนเองคิดว่าไปบ้านพี่สาวที่อยู่ในชุมชนหนองคอกหมู จึงไม่ได้คิดอะไร
กระทั่ง เวลาประมาณ 19.30 น. ตนเองตามหาแม่ เพราะยังไม่กลับบ้าน จนมารู้ว่าผู้ชายคนที่พาแม่ไปมีอาการเมาด้วย หลังจากนั้นจึงด้โทรไปสอบถามพี่สาวว่า แม่ไปที่บ้านพี่สาวหรือไม่ ซึ่งพี่สาว แจ้งว่าไม่เจอแม่ หลังจากนั้นประมาณ 15 นาที มีผู้หญิงคนหนึ่งขี่รถจักรยานยนต์ มาส่งแม่ แล้วบอกว่า เห็นแกเดินอยู่ข้างถนนในสภาพที่สวมใส่กางเกงสเตชั้นในตัวเดียว ส่วนกางเกงข้างนอกไม่มี ตนเองได้ถามแม่ ถึงรู้ว่าแม่ถูกลวงพาไปข่มขืนในไร่มันสำปะหลัง หลังจากนั้นตนได้พาแม่ไปชี้ตัวคนก่อเหตุ เห็นเขานั่งกินเหล้าอยู่หน้าบ้านเขา จึงพาแม่ไปแจ้งความ ที่ สภ.บ้านค่าย จ.ระยอง ตำรวจ ได้ส่งตัวแม่ไปตรวจร่างกายที่ ร.พ. บ้านค่าย
รุ่งเช้าอีกวันไปให้ปากคำกับตำรวจ แล้วก็ไปตามหาจุดเกิดเหตุไปเจอกางเกงของแม่ที่สวมใส่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ จากวันนั้นถึงวันนี้ชายผู้ก่อเหตุ เขาขับรถผ่านไปผ่านมาที่หน้าร้านตนอยู่ประจำ ซึ่งตนมาทราบข้อมูลจากเพื่อนของเขา ในวงเหล้าด้วยว่าเขาทำจริงๆ
สอบถาม นางสงวน คุณแม่ผู้ถูกลวงไปข่มขืน เล่าว่า ตนนั่งกินข้าวอยู่ร้านขายไก่ยาง ชายคนนั้นเขาว่าจะพาไปส่งบ้านลูกสาว จึงซ้อนท้ายรถไปกับเขา แต่พอเขาขับมาตรงโรงงานปลากระป๋องเก่า แถวๆ หมู่ 8 ต.ตาขัน อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เขาแกล้งทำเป็นรถล้ม แล้วพาตนไปข่มขื่นในไร่มันสําปะหลัง ซึ่งตนก็สู้แต่สู้ไม่ได้ หลังเขาเสร็จกิจ เขาก็ปล่อยให้ตน เดินกลับบ้าน พอดีมีพี่ผู้หญิงขับรถจักรยานยนต์ เจอจึงพาตนกลับมาที่บ้านลูกสาวที่ร้านขายไก่ย่าง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้เสียหายได้ร้องเรียนมาผู้สื่อข่าวจึงขอให้ทางผู้เสียหายพาไปดูยังจุดเกิดเหตุพบว่าหลักฐานยังอยู่ที่จุดเกิดเหตุอยู่เลย จนอดคิดไม่ได้ว่า ตำรวจให้ความ สำคัญในคดีที่ตนได้แจ้งความไว้หรือไม่ จึงขอให้สื่อตีแผ่ความจริง ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่ง ดำเนินคดีกับชายผู้ก่อเหตุกับแม่ของตนด้วย และขอทางตำรวจ อย่าคิดเองว่านางสงวน มีโรคประจำตัวเป็นโรคซึมเศร้า ป่วยจิตเวช จึงไม่ดำเนินการใดๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น จึงขอร้องเรียนสื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับแม่ของตน