ญาติหญิงชาวจีน พร้อมตัวแทนสถานทูตจีน เข้าพบตำรวจเร่งรัดคดี หวังเอาผิด ชายชาวจีนผู้ต้องสงสัย ยื่นคำร้องให้ทางการไทยส่งเรื่องให้ทางการจีนดำเนินคดี เนื่องจากโทษเอาผิดคดีฆาตกรรมในกฎหมายจีนมีโทษสูงถึงขั้นประหารชีวิต ส่วนขั้นตอนออกหมายจับ ยังต้องรอผลพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลจากนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ
14 กรกฎาคม 2567 ครอบครัวของนางสาวเหยียน รุ่ยหมิน หญิงชาวจีนที่หายตัวไป พร้อมเจ้าหน้าที่สถานทูตจีน เข้าพบ กับพันตำรวจเอกจิรพัฒน์ พรหมสิทธิการ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 และพันตำรวจเอกธรรมศักดิ์ สารบุญ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลบางรัก เพื่อขอทราบรายละเอียดของคดีสาวชาวจีนผู้สูญหายและแนวทางการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกฝ่าย ทุกนายที่ร่วมคลี่คลายคดี
โดยเจ้าหน้าที่สถานทูตจีน ยังเป็นตัวแทนครอบครัวในการเข้ามายื่นคำร้อง ขอให้ทางตำรวจไทยเร่งสรุปสำนวนคดีและทำหนังสือถึงทางการจีน เพื่อให้ทางการจีนร่วมดำเนินการสืบสวนสอบสวนเอาผิด นายชิงเหยียน ชายผู้ต้องสงสัย ฐานฆาตกรรมชาวจีนด้วยกัน ทั้งนี้ ญาติได้แจ้งความดำเนินคดีผ่านทางสถานทูตจีน ไปแล้ว เนื่องจากต้องการให้ทางการจีนเป็นผู้ดำเนินคดีเอง เพราะโทษของกฎหมายจีน แรงกว่าโทษของกฎหมายไทย ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต
พันตำรวจเอกธรรมศักดิ์ เปิดเผยว่า ครอบครัวผู้เสียชีวิตและเจ้าหน้าที่สถานทูตจีน ยังยื่นคำร้องขอให้ทางตำรวจไทย เร่งสรุปสำนวนคดี และทำหนังสือถึงทางการจีน เพื่อให้ทางการจีนร่วมดำเนินการสืบสวนสอบสวนเอาผิดผู้ก่อเหตุ ฐานฆาตกรรมชาวจีนด้วยกัน เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางครอบครัวได้ไปแจ้งความกับตำรวจจีนแล้ว แต่ตำรวจจีนยังไม่รับแจ้งความ
ดังนั้น เมื่อตำรวจไทยสามารถพิสูจน์ทราบยืนยันดีเอ็นเอผู้เสียชีวิตได้แน่นอนแล้ว และสามารถออกหมายจับผู้ต้องสงสัย ทางครอบครัวขอให้ส่งหนังสือรายงานเป็นหลักฐานไปยังสถานทูตจีน จากนั้นสถานทูตจีนก็จะประสานกับทางการจีนต่อไปว่าจะทำการสอบสวนเองหรือไม่ หรือจะช่วยจับและส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในไทยก็ได้ ตามข้อตกลงความร่วมมือกันระหว่างประเทศที่ได้มีการลงนามกันไว้
โดยวันนี้พนักงานสอบสวนจะร่วมกับเจ้าหน้าที่สถานทูตจีนสอบปากคำครอบครัวผู้เสียชีวิต ในประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างผู้ต้องสงสัยกับผู้เสียชีวิต ,เรื่องประกันชีวิตและการได้รับผลประโยชน์ ซึ่งทางครอบครัวยืนยันว่าไม่เคยเห็นผู้ต้องสงสัยมาก่อน และไม่ทราบสาเหตุที่ลูกสาวตัวเองเดินทางมาประเทศไทยด้วย
ส่วนของคดีพนักงานสอบสวน ยังคงให้น้ำหนักแรงจูงใจในการก่อเหตุ เป็นเรื่องความขัดแย้งเชิงชู้สาว และประสงค์ต่อทรัพย์ ส่วนการเรียกค่าไถ่ เบื้องต้นยังเป็นเพียงเรื่องที่เพื่อนผู้เสียชีวิตคิด เผื่อสถานการณ์ไว้ให้ครอบครัวเตรียมพร้อม หลังผู้เสียชีวิตหายตัวไปเท่านั้น ยังไม่พบหลักฐานการเรียกค่าไถ่ที่ชัดเจน และจะรอสอบปากคำพี่เขยของผู้สูญหายที่ได้รับแจ้งให้เตรียมเงินเผื่อถูกเรียกค่าไถ่ ซึ่งจะเดินทางมาไทยในวันที่ 18 กรกฎาคมนี้
พันตำรวจเอกธรรมศักดิ์ เปิดเผยอีกว่า สามารถออกได้แน่นอนหลังพิสูจน์ทราบตัวผู้เสียชีวิตแน่ชัดแล้ว โดยผู้บังคับบัญชาจะเร่งรัดผลตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอกับสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจไปแล้ว หากตรวจดีเอ็นเอได้ ก็ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ทราบตัวบุคคลผ่านชิ้นส่วนศัลยกรรม ซึ่งก็ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นการศัลยกรรมในไทย หรือทำมาจากจีน