ครอบครัวรับศพ ตร. ระงับเหตุคนคลั่ง

View icon 77
วันที่ 22 ก.ค. 2567 | 16.42 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ครอบครัวหลั่งน้ำตา รับศพ รองฯ หรั่ง ขณะที่​เพื่อนตำรวจ 10 โรงพัก ตั้งขบวนนำร่างไปบำดเพ็ญกุศล พี่สาวภูมิใจในตัวน้องชาย ​ไม่โกรธแค้นครอบครัวผู้ก่อเหตุ

ครอบครัวรับศพ ตร. ระงับเหตุคนคลั่ง
ที่โรงพยาบาลศิริราช ญาติ ๆ เดินทางมาศพ พันตำรวจโท กิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์ หรือรองหรั่ง อายุ 59 ปี รองผู้กำกับการป้องกันและปราบปราม สน.ท่าข้าม ที่เสียชีวิตจากการเข้าระงับเหตุชายคลุ้มคลั่งจับลูกสาวเป็นตัวประกันเมื่อวานนี้ โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

ทั้งนี้ พันตำรวจโทหญิง ชนม์ณกานต์ จันยะรมณ์ รองผู้กำกับกองอัตรากำลัง สำนักงานกำลังพล ภรรยา และ ร้อยตำรวจโท วันรัฐธ์ จันยะรมณ์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.สำโรงใต้ บุตรชาย ถือรูปพ่อ สวมชุดขาวมารับศพ รวมถึงบรรดาญาติพี่น้อง และเพื่อนตำรวจ ระหว่างรอรับศพ พี่สาวของรองหรั่ง ได้เข้าไปสวมกอดภรรยา และลูกของรองหรั่ง โดยลูกชายและภรรยา ยังอยู่ในอาการโศกเศร้า

จากนั้นครอบครัว ได้จุดธูปบอกกล่าวดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่นำผ้าขาวมาคลุมร่างรองหรั่ง ก่อนนำขึ้นรถตู้สีขาว ตำรวจกองบังคับการตำรวจนครบาล 9 ทั้ง 10 โรงพัก ตั้งขบวนที่หน้าหน่วยนิติพยาธิ โรงพยาบาลศิริราช นำร่างของรองหรั่ง ไปที่วัดยางสุทธาราม โดยจะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพในช่วงเย็นวันนี้

พันตำรวจโทหญิง จิราวรรณ ธัญญะเจริญ พี่สาวของรองหรั่ง บอกว่า ไม่รู้จะพูดอย่างไร แต่น้องชายเป็นคนดีมาก ๆ ดีจนไม่รู้ว่าคำไหนจะมาสิ้นสุดความดีได้ ภูมิใจในตัวน้องมากๆ น้องรักงานและครอบครัวมาก ทุกวันจะต้องเปิดวิทยุสื่อสารเพื่อฟังเหตุ แม้ขนาดเฝ้าแม่ที่ป่วยติดเตียงก็ยังฟังวิทยุตลอดเวลา ไม่เคยบอกผู้บังคับบัญชา

ที่ผ่านมา พ่อจะปลูกฝังให้ทุกคนในครอบครัวเป็นตำรวจ เพราะที่บ้านยากจน พ่อขับสามล้อส่งลูก 4 คน และบอกลูก ๆ ว่า หากได้เป็นตำรวจ จะได้ไม่ถูกใครรังแก ทำให้อาชีพตำรวจเป็นสายเลือดของครอบครัวเรา น้องชายเคยรับตำแหน่งมาหมดแล้วตั้งแต่จราจรยัน รองผู้กำกับฝ่ายปราบปราม ทั้งใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ภาคอีสาน และทำทุกตำแหน่งโดยไม่เกี่ยงงาน ผ่านมาหมด จนเหลือเพียงแค่ปีสุดท้ายก่อนการเกษียณ อยากบอกน้องว่า น้องทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ได้อย่างเต็มภาคภูมิแล้ว ถึงจะไปเกิดชาติภพไหน น้องก็จะไม่อายใครในอาชีพที่น้องผ่านมา

เมื่อถามว่า ลูกสาวของผู้ก่อเหตุจะไปร่วมงานศพด้วย พี่สาวรองหรั่งบอกว่า ไม่มีใครว่าที่จะมาร่วมงาน เพราะไม่มีใครผิดใครถูก เรื่องแบบนี้ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ลูกของผู้ก่อเหตุไม่ได้มีความผิด น้องชายที่เสียชีวิตเป็นเหมือนโชคชะตามากกว่า ครอบครัวก็ทำใจแล้ว คงไม่มีความโกรธแค้นอะไร เพราะสูญเสียด้วยกันทั้งสองฝ่าย

อย่างไรก็ตาม ช่วงเช้าวันเดียวกัน ทางภรรยา ลูก และญาติ ๆ ได้นิมนต์พระสงฆ์  1 รูป ไปที่จุดเกิดเหตุที่บริเวณหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซอย 2 ถนนพระรามสอง แขวงและเขตบางบอน กรุงเทพมหานคร เพื่อทำพิธีเชิญวิญญาณรองหรั่ง ก่อนที่จะเดินทางมาที่โรงพยาบาลศิริราชเพื่อรับร่างรองหรั่งไปบำเพ็ญกุศล

ครอบครัวยังไม่ติดต่อรับศพ เฮียตุ้ง
สำหรับศพของ เฮียตุ้ง หรือ นายบุญมา อายุ 49 ปี ยังอยู่ระหว่างผ่าชันสูตรที่สถาบันนิติพยาธิ โรงพยาบาลศิริราช ขณะที่ร่องรอยบาดแผลต้องรอผลของการชันสูตรอีกครั้ง แต่มีรายงานว่า บาดแผลที่แน่ชัด เกิดจากกระสุน 11 มม.ที่บริเวณขมับข้างขวาของผู้เสียชีวิต ตรวจสอบข้อมูลแล้ว กระสุนปืนไม่ใช่แบบเดียวกับที่ตำรวจใช้ในการระงับเหตุ

ล่าสุด เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ยังไม่มีญาติของนายบุญมา นำเอกสารเข้ามาติดต่อขอรับศพ ซึ่งในกรณีที่ญาติไม่มาติดต่อรับศพนิติพยาธิ โรงพยาบาลศิริราช​ สามารถเก็บศพไว้ได้ 30 วัน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

ทีมข่าวได้ติดต่อหาลูกของนายบุญมา ได้ข้อมูลว่า ยังไม่ได้พูดคุยกับกับครอบครัวว่าจะมารับศพวันไหน แต่ได้วัดแล้ว แต่ขอไม่เปิดเผยรายละเอียด

นายกฯร่วมพิธีศพ รองหรั่ง
ล่าสุด บรรยากาศที่วัดยางสุทธาราม ตลอดช่วงบ่ายที่ผ่านมา หลังญาตินำร่างของรองหรั่งมาบำเพ็ญกุศล มีบุคคลสำคัญทางการเมืองและนายตำรวจชั้นผู้ผู้ใหญ่ ส่งพวงหรีดมาแสดงความอาลัย รวมทั้งของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พลตำรวจโท สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอก ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมทั้งบรรดาเพื่อนร่วมรุ่นตำรวจอีกหลายนาย

จากนั้นเวลาประมาณ 15.30 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาเคารพศพและแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต

สำหรับกำหนดการพระราชทานน้ำหลวงอาบศพและสวดพระอภิธรรมศพ จะเริ่มขึ้นในเวลา 16.00 น. ก่อนที่เวลา 17.00 น. เป็นพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และในเวลา 19.00 น. พิธีสวดพระอภิธรรม
จะมีพิธีสวดพระอภิธรรมไปจนถึงวันที่ 27 กรกฎาคม ก่อนจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพวันที่ 29 กรกฎาคม เวลา 17.00 น.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง