รวบชายคลั่ง ถือมีดแกว่งไปมา จ่อก่อเหตุไล่ฟันคน

รวบชายคลั่ง ถือมีดแกว่งไปมา จ่อก่อเหตุไล่ฟันคน

View icon 87
วันที่ 30 ก.ค. 2567 | 14.30 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ศรีสุวรรณ ไม่ปล่อย ยื่นหนังสือถึงศาลปกครองกลาง ร้องเรียนกรมประมง ปล่อยให้นายทุนทำปลาหมอคางดำแพร่ระบาด

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ ศาลปกครองกลาง ถ.แจ้งวัฒนะ นายศรีสุวรรณ จรรยา เดินทางยื่นหนังสือร้องเรียนกรมประมง กรณีปล่อยให้นายทุนทำปลาหมอคางดำแพร่ระบาดทำลายสัตว์น้ำอย่างล้างผลาญไปทั่วกว่า 25 จังหวัด

นายศรีสุวรรณ ระบุว่าวันนี้มายื่นฟ้องอธิบดีกรมประมงที่ 1 คณะกรรมการด้านความหลากหลายและความปลอดภัยทางชีวภาพของกรมประมง (IBC) ที่ 2 และ รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ 3 ฐานใช้ดุลยพินิจโดยมิชอบและละเลยต่อหน้าที่ ปล่อยให้นายทุนใหญ่นำปลาหมอคางดำซึ่งเป็นเอเลียนสปีซีเข้ามาในประเทศ จนเกิดการแพร่ระบาดไปทั่ว โดยไม่ยอมเอาผิดผู้นำเข้าต้นตอของปัญหา ให้เป็นผู้รับผิดชอบ แต่กลับนำเงินภาษีของประชาชนไปใช้แก้ปัญหา

ทั้งนี้สืบเนื่องจากการที่กรมประมง โดยคณะกรรมการ IBC ซึ่งมีอธิบดีกรมประมงเป็นประธานอนุญาตให้บริษัททุนใหญ่นำเข้าปลาหมอคางดำจากประเทศกานา ทวีปแอฟริกา เมื่อปี 53 เพื่อนำมาปรับปรุงพันธุ์สัตว์น้ำ แต่ปลาชนิดดังกล่าวกลับมาแพร่ระบาดทำลายสัตว์น้ำอย่างล้างผลาญไปทั่วกว่า 25 จังหวัดในพื้นที่ประเทศไทย ทั้งในทะเล และแหล่งน้ำกร่อย น้ำจืด น้ำเค็ม ในบ่อกุ้ง บ่อปลาของชาวประมงพื้นบ้าน สร้างความเสียกับชาวประมงนับหมื่นล้านบาท ถือได้ว่าเป็น "อาชญากรรมด้านสิ่งแวดล้อม" ที่ร้านแรงที่สุด

กรมประมงรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ต้นแต่กลับเพิกเฉยในการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและรวดเร็ว โดยไม่รีบดำเนินการเอาผิดบิ๊กนายทุนใหญ่ที่นำเข้าปลาดังกล่าวแต่อย่างใด แต่กลับนำเงินภาษีประเทศมาแก้ไขปัญหาตลอดมาหลายพันหมื่นล้านบาท ทั้ง ๆ ที่โดยหลักกฎหมายสิ่งแวดล้อม ม.97 กรมประมงสามารถฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เสียหายไปไปได้ รวมทั้งใช้ ป.อาญา ม.360 ประกอบ ม.56 ในการฟ้องศาลอาญา เอาผิดนายทุนใหญ่ดังกล่าวได้ เพราะกฎหมายเขียนไว้ชัดเจนว่าผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้ให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

แต่ตลอดระยะเวลาที่เริ่มปรากฏการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ ตั้งแต่ปี 2555 จนมีชาวประมงนำไปร้องคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) เมื่อปี 2560 กรมประมง และพวก ก็ไม่ได้ป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจังและรวดเร็ว จนทำให้ปลาดังกล่าวแพร่ระบาดไปจนสุดจะควบคมได้แล้ว การแก้ไขปัญหาทุกวันนี้เป็นเพียงปลายเหตุของปัญหาเท่านั้น ชาวประมงที่เดือดร้อนและเสียหายจึงมาร้องขอให้องค์การรักชาติ รักแผ่นดิน ช่วยเป็นธุระอย่าปล่อยให้กรมประมงและนายทุนใหญ่ลอยนวลไปได้ องค์กรฯจึงจะนำความไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อให้ศาลออกคำบังดับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดให้เอาผิดบิ๊กเอกชนต้นเหตุของปัญหาและให้รับผิดชอบต่อความเสียหายของชาวประมงทั้งหมด และสั่งให้นายทุนใหญ่ฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำที่สูญหายไปไปให้กลับมาดังเดิมต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง