เช้านี้ที่หมอชิต - มากันที่เรื่องปากท้อง ที่ชอบพูดกันว่าของกล้วย ๆ ตอนนี้ชักจะไม่กล้วยซะแล้ว เพราะกล้วยน้ำว้าผลดิบปรับราคาพุ่งขึ้น 3-4 เท่าตัว ส่งผลกระทบต่อแม่ค้ากล้วยปิ้งกล้วยทอด ต้องแบกรับภาระขายในราคาเดิม หวั่นลูกค้าหดหายในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
แม่ค้ากล้วยปิ้งโอด กล้วยน้ำว้าราคาพุ่ง
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจราคากล้วยน้ำว้า ตามร้านขายกล้วยปิ้ง ที่ตั้งขายอยู่ริมถนนตั้งแต่สาย หนองฉาง-ทัพทัน ไปจนถึงสาย ทัพทัน-สว่างอารมณ์ หลังพบว่าช่วงนี้กล้วยน้ำว้าปรับราคาสูงขึ้นหลายเท่าตัว จากเดิมราคาต่ำสุดหวีละ 10 บาท แต่ปัจจุบันราคาปรับขึ้นถึงหวีละ 40-50 บาท นอกจากนี้ยังมีมันม่วง มีการปรับราคาขึ้นมาด้วยเช่นกัน จากเดิมถุงละ 170 บาท เป็น 230 บาท
แม่ค้าขายกล้วยปิ้ง บอกว่า เปิดร้านขายกล้วยปิ้ง มันปิ้ง ไข่ปิ้ง มานานกว่า 20 ปี ตอนนี้กล้วยน้ำว้าผลดิบปรับราคาขึ้นมาก ทำให้ต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมาเป็นเท่าตัว ทั้งนี้ยังไม่รวมค่าถ่านหุงต้ม และค่าน้ำกะทิ แต่ต้องขายในราคาเดิม และให้ในปริมาณเท่าเดิมด้วย เพื่อประคองตัวในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ หวั่นลูกค้าหายหมด ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มมีบ่นกันมาบ้างแล้ว เพราะกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นชาวไร่ ชาวนา ซึ่งก็อยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยดูแลปากท้องรากหญ้า เพราะตอนนี้เดือดร้อนกันมาก
แม่ค้ากล้วยแขก บ่นอุบกล้วยน้ำว้าแพง
นอกจากกล้วยปิ้ง มันปิ้งแล้ว มาดูกล้วยทอดกันบ้าง เพราะต้องใช้กล้วยน้ำว้าผลสดห่าม ๆ เป็นวัตถุดิบหลักในการทำกล้วยทอด อย่าง นางสา อายุ 64 ปี แม่ค้ากล้วยทอดเจ้าดังในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี บอกว่า กล้วยน้ำว้าราคาเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 เท่าตัวหลายเดือนแล้ว จากปกติเคยซื้อกล้วยราคาส่งหวีละ 15-20 บาท ตอนนี้ราคาพุ่งขึ้นเป็นหวีละ 35-40 บาท กระทบต้นทุนอย่างมาก ไหนจะค่าน้ำมันที่ใช้ทอด ค่ากะทิ ค่าแป้ง ซึ่งก็ปรับราคาขึ้นเกือบทุกอย่าง โดยคนที่ส่งกล้วยบอกว่าเป็นกล้วยที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน เพราะกล้วยของไทยไม่มีผลผลิตจากสภาพอากาศร้อน และแห้งแล้งในช่วงที่ผ่านมา
