องคมนตรี ตรวจเยี่ยมการดำเนินโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความ ดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่จังหวัดหนองบัวลำภู หนองคาย และอุดรธานี

View icon 198
วันที่ 22 ส.ค. 2567 | 20.07 น.
ข่าวในพระราชสำนัก
แชร์
พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี และ พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี ในฐานะรองประธานคณะกรรมการมูลนิธิราชทัณฑ์ปันสุข ทำความ ดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ไปตรวจเยี่ยม "โครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความ ดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์" ณ เรือนจำจังหวัดหนองบัวลำภู ควบคุมผู้ต้องขังกำหนดโทษไม่เกิน 20 ปี มีผู้ต้องขังชาย-หญิง รวม 2,579 คน สถานพยาบาลเรือนจำ มีพยาบาลวิชาชีพ 3 คน นักจิตวิทยา 1 คน และมีอาสาสมัครสาธารณสุขเรือนจำ 96 คน

มีการคัดกรองสุขภาพจิตในผู้ต้องขังแรกรับและประเมินสุขภาพจิตด้วยแบบคัดกรอง มีผู้มีปัญหาด้านสุขภาพจิตและจิตเวช 80 คน ได้รับการรักษาทุกราย มีการจัดโครงการบำบัดฟื้นฟูผู้ต้องขังจิตเวช ด้วยศิลปะบำบัด ศาสนบำบัด และอาชีวบำบัด ทั้งยังประสานหน่วยงานปกครองเพื่อเตรียมพื้นที่ในชุมชนเมื่อผู้ต้องขังจิตเวชจะพ้นโทษ ปัจจุบัน มีหญิงตั้งครรภ์ 1 คน ไม่มีเด็กติดมารดา มีการให้ความรู้เรื่องสวัสดิการที่รัฐจัดให้มารดาและบุตรหลังคลอด การขอรับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด และจัดกิจกรรมบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ต้องขังติดยาเสพติดในเรือนจำ และก่อนพ้นโทษ เพื่อคืนคนดีแก่สังคมพร้อมเริ่มต้นชีวิตใหม่ ไม่ก่อเหตุสร้างผลกระทบให้บุคคลอื่น และมีการปลูกดอกดาวเรืองส่งขาย โดยจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินปันผลร้อยละ 70 ของรายรับจากการขาย เมื่อพ้นโทษสามารถนำความรู้ไปต่อยอดสร้างรายได้เลี้ยงตนเอง

จากนั้น เดินทางไปยังโรงพยาบาลหนองบัวลำภู ซึ่งเป็นโรงพยาบาลทั่วไปขนาด S323 เตียง และเป็นโรงพยาบาลแม่ข่าย มีห้อง "ราชทัณฑ์ ปันสุข" รักษาผู้ต้องขังป่วยแยกออกจากผู้ป่วยทั่วไป เพื่อพิทักษ์สิทธิ์ผู้ป่วยและด้านความปลอดภัย ปัจจุบัน ไม่มีผู้ต้องขังเข้ารับการรักษา

นอกจากนี้ ยังมีบริการตรวจด้วยระบบ Telemedicine เป็นการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงการรักษา ไม่จำเป็นต้องเข้าไปรักษาในโรงพยาบาล สามารถได้รับการวินิจฉัยและตรวจรักษาจากแพทย์ และแพทย์เฉพาะทาง ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ได้รับการรักษาทันท่วงที

ส่วนเรือนจำจังหวัดหนองคาย ควบคุมผู้ต้องขังกำหนดโทษไม่เกิน 20 ปี ปัจจุบัน มีผู้ต้องขัง 1,775 คน สถานพยาบาลเรือนจำ มีพยาบาลวิชาชีพ 2 คน และอาสาสมัครสาธารณสุขเรือนจำ 148 คน มีโรงพยาบาลหนองคาย เป็นโรงพยาบาลแม่ข่าย ดูแลสุขภาพผู้ต้องขัง เช่น คัดกรองวัณโรค ตรวจหาเชื้อเอชไอวี ซิฟิลิส และไวรัสตับอักเสบซี ในผู้ต้องขังใหม่ทุกราย หากพบจะเข้าสู่กระบวนการรักษาทันที มีแพทย์เข้าไปตรวจรักษาโรค และทันตกรรม สัปดาห์ละ 1 ครั้ง

ด้านสุขภาพจิต มีการคัดกรองและพบผู้ต้องขังที่มีปัญหาจิตเวช 76 คน สาเหตุหลักจากการใช้สารเสพติด ได้รับการรักษาทุกราย มีการประเมินและเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตัว เมื่อพ้นโทษมีการเยี่ยมติดตามผู้ป่วยจิตเวช โดยโรงพยาบาลชุมชนในพื้นที่ ทั้งยังจัดโครงการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ต้องขังติดยาเสพติด และพัฒนาพฤตินิสัยด้วยกิจกรรมศาสนบำบัด และอาชีวบำบัด ผู้ต้องขังหญิง ได้รับคัดกรองมะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูก มีห้องแม่และเด็ก โดยมีโรงพยาบาลเครือข่ายเข้าไปดูแล เช่น การฝากครรภ์ การตรวจสุขภาพแม่และเด็กหลังคลอด ปัจจุบัน มีผู้ต้องขังตั้งครรภ์ 1 คน, เด็กติดผู้ต้องขัง 1 คน

จากนั้น เดินทางไปยังโรงพยาบาลหนองคาย อำเภอเมือง เป็นโรงพยาบาลทั่วไปขนาด 420 เตียง และเป็นโรงพยาบาลแม่ข่ายของเรือนจำจังหวัดหนองคาย มีการออกหน่วยให้บริการเวชศาสตร์ครอบครัว 1 ครั้งต่อสัปดาห์, ตรวจรักษาด้านจิตเวชผ่าน telemedicine 2 ครั้ง ต่อเดือน, กลุ่มโรค NCDs และทันตกรรม 1 ครั้งต่อเดือน มีห้อง "ราชทัณฑ์ ปันสุข" สำหรับรักษาผู้ต้องขังป่วยโรคทั่วไป และ "ห้องแยกโรคปันสุข" สำหรับรักษาผู้ต้องขังป่วย เป็นโรคติดต่อร้ายแรง แยกออกจากผู้ป่วยทั่วไป เพื่อพิทักษ์สิทธิ์ผู้ป่วยและด้านความปลอดภัย

จากนั้น ไปตรวจเยี่ยมสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดอุดรธานี อำเภอเมือง มีอำนาจรับเด็กและเยาวชนในจังหวัดอุดรธานี หนองบัวลำภู เลย และหนองคาย ปัจจุบันมีเด็กและเยาวชนอยู่ในการควบคุม 139 คน ส่วนใหญ่กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด

ภายในมีพื้นที่แยกกักโรค และห้องพยาบาล มีพยาบาล 1 คน, นักจิตวิทยา 2 คน และผู้ช่วยนักบำบัด 1 คน มีโรงพยาบาลอุดรธานี เป็นโรงพยาบาลแม่ข่าย มีการตรวจสุขภาพช่องปาก ฉีดวัคซีนป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก, ให้ความรู้และตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

การตรวจคัดกรองด้านสุขภาพจิต พบเด็กและเยาวชนที่มีปัญหาจิตเวช 7 คน ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง มีการตรวจสารเสพติดในเด็กและเยาวชนที่รับตัวใหม่ทุกคน หากพบจะเข้าสู่การแก้ไข บำบัด ฟื้นฟู ตามโปรแกรมบำบัดยาเสพติดของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และย้ายสิทธิการรักษาสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้าของเด็กและเยาวชนทุกราย ไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านปากดง ตำบลนิคมสงเคราะห์ อำเภอเมือง

ข่าวอื่นในหมวด