ตำรวจไซเบอร์จับบริษัทดังหลอกประมูลห้องพักหรู งัดสารพัดวิธีลวงเหยื่อ โปรฯส่วนลด 20-70% ประมูลเริ่มต้นห้องละ 100 บาท เสียหายเกือบ 3 ล้าน
ผู้เสียหายกว่า 20 รายจากทั่วประเทศ เข้าแจ้งความผ่าน www.thaipoliceonline.go.th ระบบรับแจ้งออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าได้ติดต่อจองห้องพักผ่านทางบัญชีผู้ใช้เพจเฟซบุ๊กชื่อ “ที่พักหรูออกทีวีและนิตยสารที่หัวหิน ชะอำ และผ่านทางกลุ่มไลน์ โดยเปิดให้ประชาชนโอนเงินประมูลห้องพักราคาถูก แต่กลับไม่ได้เข้าพักจริง หรือได้ห้องมูลค่าต่ำกว่าที่ประมูล สร้างความเสียหายรวมกันกว่า 2.9 ล้านบาท
กรณีดังกล่าว พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวน เนื่องจากมีประชาชนตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก จนทราบว่า บริษัทผู้ถูกกล่าวหาได้นำภาพถ่ายจริงของโรงแรมที่พักหรูระดับ 4 - 5 ดาว มาใช้โฆษณาขายในราคาถูกต่ำกว่าราคาจริงประมาณ 30-50 % โดยให้สมาชิกประมูลที่พักตั้งแต่ราคาเริ่มต้นห้องละ 100 บาท ขึ้นไป และยังมีค่าสมัครสมาชิกในการประมูลอยู่ที่ 100-400 บาทต่อบัญชีสมาชิก เมื่อเสร็จสิ้นการจบประมูล แอดมินจะลบโพสต์และข้อความทั้งหมดออกแล้วติดต่อส่วนตัวกับผู้เข้าร่วมประมูลเพื่อแจ้งโอนเงินเข้าบัญชีบริษัท
นอกจากนี้ ยังมีการโฆษณาขายโrรโมชันที่พักในรูปแบบ กล่องสุ่ม-กล่องเซอร์ไพรซ์ ซื้อครบยอดเพื่อชิงรางวัล รางวัลสำหรับผู้มียอดซื้อสูงสุด การขายคูปองส่วนลดที่มีมูลค่าสูงกว่าเงินที่ซื้อ 20-70% คูปองแถมที่พักหรูฟรี คูปองเตียงเสริม คูปองเข้าพักพร้อมกัน คูปองห้องพักวันเสาร์ คูปองอัปเกรดห้องพัก คูปองช่วงปิดเทอม คูปองห้องพักช่วงไฮซีซัน คูปองนวดของร้านสปาชื่อดัง แต่เมื่อซื้อไปแล้วกลับไม่สามารถใช้ได้จริง
ต่อมา เมื่อเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินแล้ว แอดมินจะมีการตั้งเงื่อนไขเพิ่มหลังการโอนเงิน คือให้เหยื่อพักฟรีต่อเนื่องโดยให้วางเงินประกันและส่งภาพรีวิวเพื่อเป็นหลักฐานขอรับเงินค่าที่พักคืน เหยื่อหลงเชื่ออยากได้ที่พักฟรีเพิ่มจึงโอนเงินเพิ่มอีก แต่หลังการเข้าพัก แอดมินจะบ่ายเบี่ยงการคืนเงินประกันคืน
อีกทั้ง ยังมีกรณีที่หลอกลวงให้เหยื่อชำระค่าที่พักไปก่อน หากไม่ชำระก็จะต้องเลื่อนการเข้าพักแล้วเรียกเก็บเงินประกันการเข้าพักล่วงหน้า 3-6 เดือน นอกจากการเงื่อนไขในการซื้อขาย แต่เมื่อถึงกำหนดพักจริงกลับไม่ได้เข้าพัก ถูกเลื่อนออกไป หรือถูกลดระดับโรงแรมที่มีราคาต่ำกว่าที่จองไว้และไม่คืนเงินประกันการเข้าพักให้ตามข้อตกลง และมีการหลอกล่อให้เหยื่อเปลี่ยนเงินประกันเป็นคูปองส่วนลดหรือคูปองเงินสดที่มีมูลค่ามากกว่าเพื่อใช้ประมูลห้องพักต่อไปอีก
ล่าสุด พ.ต.อ.บัญชา ศรีสุข รอง ผบก.สอท.5 สืบสวนจนทราบว่า บริษัทดังกล่าวมี น.ส.บุษนาวี อายุ 46 ปี เป็นผู้ดำเนินการในฐานะนิติบุคคล ดำเนินธุรกิจมาแล้วหลายปีในลักษณะกึ่งการกุศล โดยอ้างว่ามีมูลนิธิแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ตคอยสนับสนุนเงินส่วนต่างค่าห้องพักให้ โดย น.ส.บุษนาวี ได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาร่วมกันฉ้อโกง โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม เบื้องต้น น.ส.บุษนาวี ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา