นายกฯ ยันเข้าใจเสื้อแดง แจงจับมือ ปชป.

View icon 67
วันที่ 30 ส.ค. 2567 | 16.42 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - นางสาวแพทงธาร ยืนยันโผ ครม.นิ่งแล้ว เหลือแค่ตรวจสอบประวัติ ไม่สนใจ "พลตำรวจเสรีพิศุทธ์" ออกมาแฉเรื่อง "ทักษิณ" เพราะอยากให้โฟกัสเรื่องสำคัญ พร้อมชี้แจงจับมือพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเสถียรภาพของรัฐบาล

นายกฯ ยันเข้าใจเสื้อแดง แจงจับมือ ปชป.
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยว่า รัฐบาลที่ดี ที่จะช่วยเหลือประชาชนได้ เสถียรภาพเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อพรรคเพื่อไทย ไม่ได้เชิญพรรคพลังประชารัฐเข้าร่วม การแก้กฎหมายต่าง ๆ ต้องมีเสียงมากพอ ไม่เช่นนั้นการแก้กฎหมายช่วยเหลือประชาชนอาจสะดุดได้ ซึ่งการที่เราร่วมรัฐบาลกัน ไม่ได้แปลว่า พรรคเพื่อไทย ยอมรับการกระทำของผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ในอดีต แต่เพราะวันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปเยอะมาก และเราต้องการรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ

เมื่อถามว่า คนเสื้อแดงไม่ค่อยเห็นด้วยกับการร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ นางสาวแพทองธาร ชี้มือมาที่ตัวเอง แล้วพูดว่า "นี่คือคนเสื้อแดง" พร้อมบอกว่า คิดว่า เราต้องเดินหน้าต่อไป ถ้ามัวแต่คิดเรื่องการเมืองกันต่อไป ก็จะถ่วงหลังประเทศ ในฐานะนายกฯ ตนสัญญาจะเป็นนายกฯ ของคนไทยทุกคน ตนเข้าใจความรู้สึกของคนเสื้อแดงดี แต่วันนี้เราพร้อมหรือยังที่จะก้าวไปข้างหน้า เห็นประเทศชาติที่ดีขึ้น

แพทองธาร ยันไม่ได้ถูก ทักษิณ ครอบงำ 
นางสาวแพทองธาร ยังกล่าวถึงกรณีที่ พรรคพลังประชารัฐเตรียมยื่นฟ้องนายกฯว่า คงไปห้ามเขาไม่ได้ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นภายในพรรคพลังประชารัฐ ก็ให้เป็นปัญหาของเขา ตนไม่ได้มีส่วนในการตัดสินใจ ซึ่งเรามีเหตุผลหลายอย่างที่ไม่สามารถร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐได้

เมื่อถามว่า ได้คุยกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในฐานะบิดาบ้างหรือไม่กรณี พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ระบุว่าได้ไปเยี่ยมนายทักษิณที่โรงพยาบาลตำรวจถึงสองครั้ง นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า “อยากให้โฟกัสที่เรื่องสำคัญค่ะ” 

ส่วนกรณีที่ พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ น้อยใจที่ไม่ได้ตำแหน่งจึงออกมาแฉว่า นายทักษิณครอบงำพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น  นางสาวแพทองธาร กล่าววติดตลกว่า อาจจะเป็นตนมากกว่าที่ครอบงำนายทักษิณ เพราะข้อเท็จจริง คือนายทักษิณไม่ได้ครอบงำ ทุกคนมีตัวตน มีความคิดเป็นของตัวเอง

แพทองธาร ยันโผ ครม.นิ่งแล้ว 
นางสาวแพทองธาร ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลว่า ค่อนข้างลงตัวนิ่งแล้ว เหลือเพียงการตรวจสอบคุณสมบัติ ส่วนจะเสร็จเมื่อไหร่นั้น คิดว่าใกล้แล้ว เพราะตรวจมาประมาณหนึ่งสัปดาห์แล้ว ส่วนสัปดาห์หน้าจะยื่นทูลเกล้าฯ เลยได้หรือไม่นั้น หากฝ่ายที่ตรวจสอบตอบกลับมาแล้วรายชื่อลงตัว เราก็จะทำโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่เช่นนั้นการทำงานจะติดปัญหาต่างๆ เช่น การลงพื้นที่วันนี้ติดเรื่องที่เป็นรัฐบาลที่ยังไม่ได้แถลงนโยบาย ส่วนเรื่องการเตรียมนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภา ขณะนี้ใกล้เสร็จแล้ว

ภูมิธรรม คาดตั้งรัฐบาลเสร็จกลาง ก.ย.
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ขณะนี้อยู่ในกระบวนการตรวจสอบ เป็นหน้าที่ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและกฤษฎีกาที่กำลังดำเนินการอยู่ ถ้าไม่มีอะไรเป็นอุปสรรค คาดว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้ประมาณกลางเดือนกันยายน ต้องรอโปรดเกล้าฯ ลงมาก่อน และหลังจากโปรดเกล้าฯ ทุกอย่างเตรียมการไว้หมดแล้ว ทั้งการแถลงนโยบาย หรือ การเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งตอนนี้พรรคร่วมรัฐบาลมีเสียงประมาณ 300 กว่านิด ๆ

ส่วนกรณีที่มีนักร้อง ร้องเข้ามาโดยเฉพาะตัวนายกฯนั้น อยากร้องก็ร้อง ร้องให้ถูกต้องก็ร้องไป แต่มั่นใจในตัวของเราเองว่า การทำงานอิงข้อกฎหมายจะทำงานอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ไม่เป็นห่วงว่า พลังประชารัฐจะเอาคืน เพราะเราเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ประเทศชาติเป็นเรื่องสำคัญ

นริศ ส่งชื่อ 2 รัฐมนตรีสัดส่วน ปชป.
ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ นายนริศ ขำนุรักษ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้าตึกชินวัตร 3 เพื่อนำรายชื่อผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ในสัดส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ มาส่งให้พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาล

นายนริศ บอกว่า ได้รับมอบหมายจากนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้นำรายชื่อทั้ง 2 คนที่จะเข้าร่วมรัฐบาล มาส่งให้กับพรรคเพื่อไทย หลังจากเมื่อช่วงค่ำวานนี้ พรรคประชาธิปัตย์มีมติ 43 ต่อ 4 เข้าร่วมรัฐบาลของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร โดยพรรคประชาธิปัตย์ได้รับการจัดสรร 2 ตำแหน่ง โดยเสนอชื่อนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค ให้ดำรงตำแหน่ง รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรค ให้ดำรงตำแหน่ง รมช.สาธารณสุข

ซึ่งกระบวนการนับจากนี้จะมีการตรวจสอบคุณสมบัติตามขั้นตอน ซึ่งมีความมั่นใจทั้งสองรายชื่อว่า จะไม่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติตามมาภายหลัง ส่วนกรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ภายหลังที่พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย นายนริศ กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา เพราะเราเป็นทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลมาแล้ว ซึ่งมีกระแสเช่นนี้เกิดขึ้นทุกครั้ง ส่วนรัฐบาลชุดนี้จะอยู่ครบเทอมหรือไม่ ขึ้นอยู่ที่การทำงาน หากทำงานได้ตามนโยบายและประชาชนพึงพอใจ โอกาสที่จะอยู่จนครบวาระก็มีความเป็นไปได้

อดีตแม่ยก ชี้ต้องให้บทเรียนคนทำลายพรรค
ขณะที่นางกาญจนี วัลยะเสวี หรือ ติ๊งต่าง เจ้าของฉายาไฮโซสปอร์ตคลับและแกนนำกลุ่ม ชาวไทยหัวใจรักสงบ อดีตแม่ยกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทยว่า ฝากถึงสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทุกท่าน กรุณาอย่าลาออก อย่างทิ้งพรรค นักการเมืองมาแล้วก็ไปหากเป็นคนไม่ดี เชื่อเถอะว่า เขาจะทนต่อแรงกดดันของคนไทยและสมาชิกพรรคไม่ไหว สักวันก็ต้องไป พร้อมระบุอีกว่า ประชาชนโปรดช่วยกันจำหน้าคนที่ทำลายพรรคให้หมดทุกคน ต้องช่วยกันให้บทเรียนคนทั้งหมดที่รวมหัวกันทำลายพรรค ทั้งหญิงและชาย

คนใต้เสียงแตก ปชป.ร่วมรัฐบาลเพื่อไทย
ทีมข่าวจึงลองไปพูดคุยกับชาวบ้านในภาคใต้ ซึ่งถือเป็นฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตน์ พูดคุยกับนายสุวิทย์ แก้วห่อทอง ฐานเสียงของพรรค ในพื้นที่อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา บอกว่า ตนเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง แม้ที่ผ่านมาทั้งสองพรรคนี้ขัดแย้งกันมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ก็เหลือไม่กี่คนแล้ว เพราะเพื่อไทยยังเข้าร่วมกับพรรคร่วมไทยสร้างชาติได้ ซึ่งเราต้องการให้ สส. เข้ามาทำงาน มาเป็นรัฐมนตรี มาพัฒนาพื้นที่

ขณะที่นายจิระศักดิ์ ควนจันทร์ ชาว จังหวัดตรัง และอดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับว่า แปลกใจไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นได้ เพราะทั้งสองพรรคอยู่ฝ่ายตรงข้ามมาตลอด รู้สึกผิดหวัง เหมือนประชาชนโดนหลอก ไม่ได้มองประชาชนเป็นที่ตั้ง

พงศกร ลูกชาย อัศวิน ลาออก ปชป.
หลังจากก่อนหน้านี้ นายศิริโชค โสภา อดีตสส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ล่าสุด "เอิร์ธ" พงศกร ขวัญเมือง ลูกชาย พลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โพสต์เฟซบุ๊ก ลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ผมตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งเป็นการลงสมัครครั้งแรกในชีวิต ยอมรับว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้รับความนิยมเหมือนแต่ก่อน แต่ในวันนั้นไม่ได้ลังเลเพราะเชื่อว่าหากได้รับเลือกตั้งหรือไม่ได้รับเลือกตั้งก็ตาม ก็ยังทำตามนโยบายตามความตั้งใจผ่านพรรคประชาธิปัตย์ได้

แต่วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ทำให้ผมมีความเชื่อมั่น ไม่เชื่อมั่นว่าการทำงานร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ จะทำให้ผมสามารถใช้ความรู้ ความตั้งใจและความสามารถทำประเทศให้ดีขึ้นได้ ผมจึงขอยุติการร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ครับ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง