พระวัดดังยืมเงินสีกา เอาโบสถ์ค้ำประกัน

View icon 116
วันที่ 5 ก.ย. 2567 | 07.11 น.
สนามข่าว 7 สี
แชร์
สนามข่าว 7 สี - มีเศรษฐินีคนหนึ่งไปร้องเพจฯ สายไหมต้องรอดว่า ถูกอดีตเจ้าอาวาสวัดดัง ย่านลำลูกกา คลอง 13 จังหวัดปทุมธานี ยืมเงินเกือบ 10 ล้านบาทในระยะเวลาประมาณ 20 ปี พอทวงถามก็ถูกท้าทายให้ไปยึดโบสถ์และยึดศาลาเอาเองแบบนี้ก็ได้หรือ ?

เรื่องนี้เป็นข้อพิพาทระหว่างอดีตเจ้าอาวาส วัดดังแห่งหนึ่ง ย่านลำลูกกา คลอง 13 จังหวัดปทุมธานี กับ นางกฤษณา อายุ 57 ปี โยมอุปัฏฐาก ที่อดีตเจ้าอาวาสเคยไปขอให้ออกเงินบูรณะซ่อมแซมวัด ดูแลค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เป็นเงิน 9.2 ล้านบาท แถมยังให้โอนเงินเข้าบัญชีตัวเองอ้างว่า โอนเข้าบัญชีวัดจะยุ่งยาก และบอกว่าจะคืนเงินให้ภายหลัง แต่สุดท้ายไม่คืน แถมยังท้าทายให้ยึดโบสถ์ยึดศาลาแทนจนเรื่องราวบานปลาย

โดยเมื่อวานนี้หลังจากพูดคุยกับทางเพจฯ สายไหมต้องรอดได้พานางกฤษณาไปปรึกษากับ "พระครูโสภณภัทรเวทย์" รองเจ้าคณะอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี เพื่อหาทางออก นางกฤษณา บอกว่า เรื่องนี้ผ่านมานานมากแล้วจึงอยากต้องการทวงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของตามที่มีการตกลงกัน แต่พระครูโสภณภัทรเวทย์ บอกว่า ทำไม่ได้ เพราะโบสถ์และศาลาวัดเป็นที่ธรณีสงฆ์เป็นสมบัติของพระพุทธศาสนา

หลังจากผู้เสียหายเข้าหารือเรื่องนี้นานกว่า 1 ชั่วโมง ก็ได้นิมนต์ขอให้พระราชสุทธิธรรมจารย์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เรียกเจ้าอาวาสที่ดูแลวัดในปัจจุบันมาชี้แจง แต่จากการตรวจสอบทราบว่า ไปรักษาดวงตาที่โรงพยาบาลบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร

พระราชสุทธิธรรมจารย์ บอกว่า ที่ผ่านมามีความพยายามไกล่เกลี่ยหาทางออกเรื่องนี้ แต่ยังไม่มีทางออกที่ชัดเจน จึงตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยให้เจ้าคณะอำเภอเป็นผู้ดำเนินการ และจะเรียกมาชี้แจงในวันนี้ พร้อมแนะนำให้ผู้เสียหายไปแจ้งความดำเนินคดี

ต่อมาทีมข่าวได้ไปพบกับเจ้าอาวาสวัดดังกล่าวเพื่อหาความจริงในเรื่องนี้หลังกลับจากรักษาดวงตา โดยบอกว่า รู้จักผู้ร้องทุกข์คนนี้มานาน เคยมาทำบุญที่วัดบ่อย ๆ ส่วนเรื่องยืมเงินนั้น หากมีเอกสารกู้ยืมเงินก็สามารถดำเนินคดีได้

ส่วนกรณีที่ผู้เสียหายอ้างว่า ทางวัดให้ยึดโบสถ์และยึดศาลาเอาเองก็ไม่เป็นความจริง รวมถึงกรณีกรณีที่อ้างว่า มีการทำร้ายร่างกายบีบคอและใช้เท้ายัน ขอยืนยันว่า เรื่องนี้ก็ไม่เป็นความจริงเช่นเดียวกัน เมื่อมีข่าวออกมาก็ทำให้เกิดความเสียหายในทางศาสนา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง