ห้องข่าวภาคเที่ยง - เรื่องที่มีเศรษฐีนี ร้องขอความช่วยเหลือว่าถูกพระยืมเงินไปซ่อมแซมบูรณะปฏิสังขรณ์วัด แล้วไม่คืนเงิน แล้วต่อมา "พระ" ที่เป็นคู่กรณีก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่จริง แถมยังเป็นหนังคนละม้วน ในเมื่อความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว ก็ต้องมาดูกันว่าผลการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวันนี้ จะได้ข้อเท็จจริงออกมาอย่างไร
เรื่องที่ นางกฤษณา อายุ 57 ปี โยมอุปัฏฐากวัดดังแห่งหนึ่งย่านลำลูกกา คลอง 13 จังหวัดปทุมธานี ไม่ได้ไปร้องเรียนเฉย ๆ แต่มีหลักฐานสำคัญหลายภาพ เช่น สลิปการโอนเงิน 8 ใบ, เอกสารที่เขียนด้วยลายมือ รับรองเรื่องการมอบทรัพย์สินมรดกให้ เมื่อตนเองมรณะภาพ, หนังสือสุทธิของเจ้าอาวาส
และที่สำคัญคือเอกสารแผ่นนี้ หัวกระดาษเขียนว่า บันทึกข้อความ เขียนไว้เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2567 ณ วัดสุวรรณบำรุงราชวราราม มีชื่อของเจ้าอาวาสวัดที่เป็นคู่กรณี ระบุยอมรับหนี้ของสีกา 2 คน คนหนึ่งยอดเงิน 9.2 ล้านบาท อีกคนยอดเงิน 2 30,000 บาท ระบุยินดีชำระหนี้ภายในสิ้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีลายมือลงชื่อของเจ้าอาวาส, พระที่เป็นพยาน และสีกาที่เป็นเจ้าหนี้ทั้ง 2 คน พูดง่าย ๆ ว่านี่คือเอกสารรับสภาพหนี้
พอมีหลักฐานออกมาแบบนี้ก็เลยค่อนข้างชัด ว่าเรื่องนี้มีมูลข้อเท็จจริงอยู่ และที่ผ่านมาเจ้าคณะตำบลลำไทร ทราบเรื่องนี้มาได้ 3-4 เดือนแล้ว ก็พยายามจะเข้าไปช่วยไกล่เกลี่ย แต่กลับไม่เกิดการกระตือรือร้นเพื่อแก้ปัญหา สุดท้ายพระราชสุทธิธรรมจารย์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี จึงต้องสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และให้เจ้าคณะอำเภอดำเนินการ เรียกเจ้าอาวาสที่เป็นคู่กรณีเข้ามาชี้แจงภายในวันนี้
คุณอภิเอก ผู้สื่อข่าว ลงพื้นที่ไปสังเกตการณ์ดูการตั้งคณะกรรมการสอบสวน ก็พบว่าวันนี้มีเจ้าคณะอำเภอมาประชุมหารือ มีตัวแทนตำรวจเข้าร่วมด้วย โดยมีการปิดห้องเงียบ ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไป ระหว่างรอ คุณอภิเอก ได้พูดคุยกับพระลูกวัดรูปหนึ่ง ยืนยันเรื่องการค้ำประกันด้วยโบสถ์ไม่จริง เพราะโบสถ์ไม่มีกุญแจจริง ๆ ทุกวันนี้ใช้พระลูกวัดนอนเฝ้าทรัพย์สิน ส่วนเรื่อง โยมอุปัฏฐาก ที่เป็นคู่กรณี ยอมรับว่าเห็นเข้ามาทำบุญที่วัดแห่งนี้ไม่ต่ำกว่า 12 ปี แล้ว บางครั้งเมื่อทำบุญจะมีการขอเงินคืนอยู่บ้าง แต่เงินทำบุญที่ได้มายืนยันว่าถูกนำไปใช้ทำนุบำรุงปฏิสังขรณ์วัด หลักฐานการใช้เงินไม่แน่ใจว่าเก็บไว้ครบถ้วนหรือไม่
ส่วนเรื่องหนังสือเซ็นยินยอมรับสภาพหนี้ เท่าที่รู้เกิดจากการบีบบังคับให้เจ้าอาวาส ต้องเซ็นหนังสือฉบับดังกล่าว และเรื่องนี้ก็มีการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้ว
อย่างไรก็ตามหากผลการประชุมเสร็จสิ้น คาดว่าจะมีการแถลงข่าวชี้แจงจากทางเจ้าคณะอำเภออีกครั้ง
