กลุ่มประมง ฟ้องแพ่ง เรียกค่าเสียหายเอกชนกว่า 2.4 พันล้าน ทำปลาหมอคางดำระบาด เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไม่ได้

กลุ่มประมง ฟ้องแพ่ง เรียกค่าเสียหายเอกชนกว่า 2.4 พันล้าน ทำปลาหมอคางดำระบาด เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไม่ได้

View icon 113
วันที่ 5 ก.ย. 2567 | 12.29 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
กลุ่มประมง ฟ้องแพ่ง เรียกค่าเสียหายเอกชนกว่า 2.4 พันล้าน ทำปลาหมอคางดำระบาด เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไม่ได้ พร้อมส่งตัวแทนฟ้องรัฐ เร่งประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ นำเงินฉุกเฉินเยียวยา

วันนี้ (5 ก.ย.67) ที่ศาลเเพ่งกรุงเทพใต้ นายปัญญา โตกทอง อายุ 66 ปี สมาชิกเครือข่ายรักษ์อ่าวไทยตอนบน และเครือข่ายประชาคมคนรักแม่กลอง พร้อมกลุ่มชาวบ้านผู้ประกอบอาชีพประมงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และประมงพื้นบ้าน ในเขตอำเภออัมพวา อําเภอบางคนที และอําเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม ที่เป็นตัวแทนชาวบ้านกว่า 1,400 คน ในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของปลาหมอคางดำ เดินทางมาศาลแพ่งกรุงเทพใต้ พร้อมด้วยคณะทำงานสิ่งแวดล้อม จากสภาทนายความฯ ยื่นฟ้องบริษัทเอกชนผู้ก่อมลพิษ และกรรมการบริหารรวม 9 คน ในคดีสิ่งแวดล้อม

นายปัญญา เผยว่า พวกตนได้รับผลกระทบ และถูกละเมิดสิทธิ์มานาน ทำให้การประกอบอาชีพย่ำแย่ ขาดรายได้ มีหนี้สิน เพราะไม่สามารถเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทั้งปลา กุ้งได้ ตอนนี้บ่อที่เลี้ยงสัตว์มีแต่ปลาหมอคางดำ โดยตนเองและกลุ่มสมาชิกพบปลาหมอคางดำตั้งแต่ปี 2555 แต่ที่ระบาดรุนแรงคือช่วงปี 2559-2560 ซึ่งตนและกลุ่มสมาชิกได้ไปร้องเรียนมาหลายที่แล้ว ทั้งนายกรัฐมนตรี กรรมการสิทธิมนุษยชน ก็ไม่มีการดำเนินการอะไร จากตอนแรกระบาดแค่ในจังหวัดตนเอง แต่ตอนนี้แพร่ไปในหลายจังหวัดทั่งประเทศแล้ว รวมถึงรัฐก็ไม่ได้เข้ามาดูแลเยียวยาพวกตน จึงมาร้องศาลแพ่งเรียกค่าสินไหมทดแทนจากการขาดรายได้ในอาชีพประมงเพาะเลี้ยงและประมงพื้นบ้าน และจากการถูกละเมิดสิทธิในการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ พร้อมทั้งมีคําขอบังคับให้บริษัทเอกชนผู้ก่อมลพิษ แก้ไขฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติที่สูญเสียไปให้กลับสู่สภาพเดิม

สำหรับจำนวนค่าสินไหมทดแทนที่กลุ่มประมงเรียกร้อง แยกออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มประมงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เรียกค่าเสียหายจากการขาดรายได้ตามจํานวนพื้นที่ที่เพาะเลี้ยงในอัตราไร่ละ 10,000 บาทต่อปี เป็นเวลา 7 ปี (พ.ศ.2560 – 2567) และค่าเสียหายจากการถูกละเมิดสิทธิ์การใช้ประโยชน์จากทรัพยากร อีกรายละ 50,000 บาท โดยกลุ่มประมงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำมีจำนวนสมาชิกกว่า 1,000 ราย มีพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำรวมกันกว่า 27,000 ไร่ ค่าสินไหมทดแทนที่เรียกร้องเป็นเงินกว่า 1,982,000,000 บาท

2 กลุ่มประมงพื้นบ้าน เรียกค่าเสียหายจากการขาดรายได้ตามจำนวนวันในอัตราวันละ 500 บาท (ปีละ 182,500 บาท) เป็นเวลา 7 ปี (พ.ศ. 2560 – 2567) และค่าเสียหายจากการถูกละเมิดสิทธิการใช้ประโยชน์จากทรัพยากร อีกรายละ 50,000 บาท โดยกลุ่มประมงพื้นบ้านมีจํานวนสมาชิกกว่า 380 ราย ค่าสินไหมทดแทนที่เรียกร้องเป็นเงินกว่า 19,000,000 บาท รวมเป็นเงินค่าสินไหมทดแทนที่ในเขตจังหวัดสมุทรสงครามเป็นเงินกว่า 2,486,450,000 บาท

ทั้งนี้ นอกจากฟ้องคดีแพ่งเพื่อเรียกค่าสินไหมทดแทนแล้ว ช่วงเช้าวันนี้ ตัวแทนจากสภาทนายความ ในฐานะผู้ได้รับมอบอำนาจจากผู้ประกอบอาชีพประมงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและอาชีพ ประมงพื้นบ้าน จังหวัดสมุทรสงคราม จำนวน 54 คน จะยื่นฟ้องหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐ 18 หน่วยงาน ต่อศาลปกครองกลาง ฐานความผิดละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ โดยผู้ฟ้องคดีต่อศาลปกครองทั้ง 54 คน ได้เรียกร้องให้ผู้ถูกฟ้องซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ เร่งประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติเพื่อนำเงินฉุกเฉินเยียวยาต่อผู้ฟ้องตามเวลาที่ศาลกำหนด นอกจากนี้ ให้ผู้ถูกฟ้องติดตามเงินจากบริษัทเอกชน ผู้ก่อให้เกิดผลกระทบ ชดใช้ค่าเสียหายแก่รัฐตามมูลค่าความเสียหาย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง