ศาลฎีกาฯ สั่งจำคุก อดีต สส. เพื่อไทย 3 ปี 4 เดือน ปรับ 1 แสน คดีทุจริตสร้างสนามฟุตซอล แต่มติเสียงข้างมากให้รอลงโทษ 3 ปี ชี้ เพิ่งรับตำแหน่ง 3 เดือน ไม่ได้รับผลประโยชน์เข้าตัว ทั้งยับยั้งความเสียหาย เจ้าตัว โล่งใจ แต่อนาคตเส้นทางการเมืองขอคิดดูก่อน
วันนี้ (5 ก.ย.67) ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษา คดีดำ อม.18/2565 ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ นางสมหญิง บัวบุตร อดีต สส.อำนาจเจริญ พรรคเพื่อไทย กับพวกรวม 12 ราย เป็นจำเลยที่ 1-12 กรณีทุจริตกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างงานปรับปรุงสนามกีฬาพร้อมอุปกรณ์ (สนามฟุตซอล) ซึ่งจำเลยทั้งสิบสองให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ 2,5,9,11-12 รับว่าเป็นจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
โดยวันนี้ นางสมหญิง พร้อมพวกรวม 12 ราย และทนายความความ เดินทางมาศาลฎีกาตั้งแต่ช่วงเช้า ใช้ในการฟังคำพิพากษากว่า 2 ชั่วโมง จึงแล้วเสร็จ
ทั้งนี้ ศาลฎีกามีคำพิพากษาว่า นางสมหญิง จําเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) ประกอบประมวล กฎหมายอาญารมาตรา 86 ลงโทษจำคุก 3 ปี 4 เดือน และปรับ 100,000 บาท แต่องค์คณะผู้พิพากษามีมติเสียงข้างมากเห็นว่า พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ขณะเกิดเหตุจําเลยที่ 1 เพิ่งได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมัยแรกได้เพียง 3 เดือนเศษ และไม่ปรากฏว่าจําเลยที่ 1 ได้รับประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินอย่างใด
หลังเกิดเหตุจําเลยที่ 1 นําคณะครูไปยังสํานักตรวจสอบพิเศษภาค 5 เพื่อแจ้งปัญหาการก่อสร้างสนามฟุตซอลไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งเป็นเหตุที่ทําให้มีการบอกเลิกสัญญาในบางโรงเรียน เป็นการระงับยับยั้งไม่ให้เกิดความเสียหาย อีกทั้งไม่ปรากฏว่าจําเลยที่ 1 ได้รับโทษจําคุกมาก่อน จึงให้รอการลงโทษจําคุกไว้มีกําหนด 3 ปี ส่วนจำเลยรายอื่น ๆ ศาลสั่งจำคุก จำเลยที่ 2 เป็นเวลา 5 ปี ปรับ 150,000 บาท , จำคุกจำเลยที่ 5, 7, 9, 11 คนละ 2 ปี , ปรับจำเลยที่ 4, 6, 8, 10 รายละ 22,467,500 บาท, ให้จำเลยที่ 1, 2 และ 7 รอการลงโทษ 3 ปี ในทางนำสืบของจำเลยที่ 4-11 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้คนละ 1 ใน 3 จำคุกจำเลยที่ 5,7,9,11 คนละ 1 ปี 4 เดือน , ปรับจำเลยที่ 4,6,8,10 คนละ 14,978,333.33 บาท จำคุกจำเลยที่ 12 เป็นเวลา 2 ปี และยกฟ้องจำเลยที่ 3
ภายหลังฟังคำพิพากษา นางสมหญิง เปิดเผยว่า วันนี้รู้สึกโล่งใจ และดีใจ ที่คดีสิ้นสุดแล้ว วันนี้ศาลมีความเมตตาตัดสิน ให้รอลงอาญาโทษจำคุกไว้ก่อน ซึ่งตนก็ได้แสดงความบริสุทธิ์ใจไปแล้วว่า ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือรู้เห็นกับเรื่องราวการจัดซื้อจัดจ้างดังกล่าว ถ้าคนในพื้นที่ก็จะรู้ว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้อง ส่วนเส้นทางการเมืองหลังจากนี้ต้องบอกว่า การเมืองปัจจุบันไม่ได้มีความสนุกเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ประกอบกับอายุตนก็เข้าเลข 6 แล้ว ถ้าจะให้ลงการเมืองอีกก็อาจจะต้องขอคิดดูก่อน แต่ถ้าในอนาคตการเมืองมีความนิ่งกว่านี้ ก็อาจจะมีการส่งเสริมลูกหลานเข้ามาร่วมเล่นการเมืองด้วยเช่นเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้เริ่มจากเมื่อช่วงเดือน พ.ย.64 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดทางอาญา นางสมหญิง กับพวกกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีทุจริตจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบประมาณปี 55 งบแปรญัตติ ให้กับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในจังหวัดอำนาจเจริญ ทุจริตในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างงาน ปรับปรุงสนามกีฬาพร้อมอุปกรณ์ (สนามฟุตซอล)
มีลักษณะมุ่งหมายให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่การเสนอราคารายใด ให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ และการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานและวิธีการสร้างสนามกีฬา ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริง พร้อมส่งรายงานไต่สวนข้อเท็จจริงพร้อมเอกสารหลักฐานไปให้อัยการสูงสุดฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย
ต่อมาวันที่ 22 ก.ย. 65 อัยการสูงสุด (อสส.) ได้ยื่นฟ้อง นางสมหญิง กับพวกรวม 12 คน เป็นจําเลยต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามคดีหมายเลขดำ ที่ อม.18/2565 ซึ่งศาลฎีกาฯ มีคำสั่งประทับรับฟ้องคดี เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 65 ก่อนจะมีคำพิพากษาในวันนี้