จับตาศาลฎีกาฯ นัด “ชาญชัย” ฟังคำสั่ง ร้องนำ “ทักษิณ” มารับโทษตามเดิม 30 เม.ย.นี้ หลังก่อนหน้านี้ศาลยกคำร้องมา 2 ครั้ง
ภายหลังนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 10 ม.ค.2568 ขอให้ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกตัดสินจำคุก 8 ปี แต่ได้รับการลดโทษเหลือ 1 ปี เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล ซึ่งนายชาญชัยเห็นว่าการกระทำดังกล่าวอาจขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 89, 89/2(1) (2) และมาตรา 246 และไม่อาจอ้างกฎกระทรวง เรื่องการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 25 ก.ย. 2563 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 55 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 เพราะขัดต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ล่าสุด วันนี้ (25 เม.ย.68) มีรายงานว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้นัดฟังคำสั่งในคำร้องดังกล่าววันที่ 30 เม.ย.นี้ เวลา 13.00 น. ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้นายชาญชัยเคยยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2566 และเมื่อวันที่ 15 ก.พ.2567 แต่ศาลมีคำสั่งยกคำร้องทั้งสองเรื่องโดยไม่ต้องไต่สวน โดยให้เหตุผลว่าเมื่อศาลออกหมายจำคุก ในคดีถึงที่สิ้นสุดไปแล้ว การบังคับโทษและอนุญาตให้ส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ เป็นอำนาจหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ ปัญหาว่าเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ปฏิบัติชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น ไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาล จึงไม่ต้องไต่สวนให้ยกคำร้อง
นายชาญชัยจึงยื่นคำร้องอีกเพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งเดิม และขอให้รับคำร้องไว้ไต่สวนและมีคำสั่งบังคับโทษจำคุกให้เป็นไปตามคำพิพากษาที่ถึงที่สุด ซึ่งศาลนัดฟังคำสั่งวันที่ 30 เม.ย.นี้
แหล่งข่าวนักกฎหมายในกระบวนการยุติธรรม ให้ความเห็นว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจของกรมราชทัณฑ์ ครั้งนี้ก็น่าจะเช่นเดียวกัน เนื่องจากคดีเมื่อศาลตัดสินคดีถึงที่สิ้นสุดแล้ว ออกหมายจำคุกคำพิพากษาถึงที่สิ้นสุดก็หมดหน้าที่ของศาล เรื่องการบริหารโทษเป็นของกรมราชทัณฑ์ที่อยู่ภายใต้กระทรวงยุติธรรม ขั้นตอนจะผิดหรือทำไม่ชอบในการบริหารโทษก็ต้องไปว่ากันอีกเรื่อง ไปฟ้องดำเนินคดีกันไป ศาลจะไม่เกี่ยวข้องอีก จะเห็นได้จากหลายคดีที่ศาลพิพากษาประหารชีวิต แล้วสุดท้ายได้ประหารจริงหรือไม่ ก็ไม่ได้มีการประหาร เพราะเรื่องการบริหารโทษเป็นของกระทรวงยุติธรรมแล้ว แต่คดีนี้เมื่อนายชาญชัยไปยื่นคำร้องก็ต้องรับวินิจฉัยไว้เท่านั้นเอง เหมือนก่อนหน้านี้ที่รับไว้แล้วมีคำสั่งยกคำร้อง