ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ภรรยาของ "เสือปุ่น" เน็ตไอดอลชื่อดัง ร้องสื่อ หลังไปเยี่ยมสามีบนโรงพัก แต่ถูกมิจฉาชีพหลอกโอนเงิน 100,000 บาท โดยตำรวจเป็นคนให้เบอร์โทรมิจฉาชีพมาเอง อ้างเป็นรองผู้การฯ อยากคุยด้วย พอเธอรู้ตัวว่าถูกหลอก แจ้งความไว้ที่โรงพักเดียวกัน ตำรวจบอกให้รอ 1 เดือน แล้วเมื่อเธอไปถามตำรวจคนที่เอาเบอร์มิจฉาชีพมาให้
นางสาวสุภาพรรณ โคฮุด ชาวจังหวัดราชบุรี เล่าว่า เป็นภรรยาของ นายวรวัฒน์ เชื่อมแก้ว หรือ เสือปุ่น ผู้ต้องหาคดีร่วมกันปล้นทรัพย์ และพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน โดยเมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา แม่เดินทางไปเยี่ยมเสือปุ่นที่ สภ.บ้านนา จังหวัดนครนายก โดยเสือปุ่นกระซิบบอกแม่ว่า เขาเรียกเงิน 200,000 บาท จะช่วยให้จบคดี แม่เสือปุ่นจึงโทรมาบอกตน ซึ่งตนกลัวว่าแม่จะโดนหลอก จึงรีบตามไปที่โรงพัก
พอไปถึงตำรวจยื่นเบอร์โทรศัพท์มาให้ บอกว่า รองผู้การฯ จะคุยด้วย จึงโทรศัพท์ไป โดยปลายสายบอกว่าช่วยเสือปุ่นให้ประกันตัวที่โรงพักได้เลย แต่ขอเงิน 200,000 บาท แล้วจะจัดการให้ทุกอย่าง จึงถามว่าจะมั่นใจได้อย่างไรว่า เสือปุ่นจะได้ออกมา เขาบอกว่าเดี๋ยวฉีกสำนวนทิ้งทั้งหมด แล้วทำสำนวนให้ใหม่ คนในโทรศัพท์ไม่ได้บอกชื่อ จึงไม่รู้ว่าเป็นใคร
จากนั้นบุคคลดังกล่าวโทรศัพท์มาเร่ง ตนบอกไปว่าหาไม่ได้ มีแค่ 100,000 บาท เขาก็บอกให้โอนมาก่อน ส่วนที่เหลือค่อยว่ากัน เพราะจะต้องนำตัวเสือปุ่นส่งศาลแล้ว ตนจึงรีบหาเงิน โดยการไปกู้หนี้ยืมสินมา พอโอนเสร็จเขาก็ปิดเครื่องหนีทันที
สักพักเสือปุ่นเดินออกมาจากห้องควบคุมตัว ถามว่าโอนเงินหรือยัง ตนบอกว่าโอนแล้ว เสือปุ่นบอกว่าถ้าโอนแล้ว ทำไมต้องถูกนำตัวส่งศาล ตนบอกไม่รู้โทรไปก็ไม่ติดแล้ว ถึงรู้ว่าถูกหลอก จึงรีบโทรไปอายัดบัญชีปลายทาง แล้วก็แจ้งความทันที
พอถามตำรวจคนที่ให้เบอร์โทรศัพท์มา ตำรวจบอกว่าไม่รู้ มีคนให้เบอร์มาอีกที ตนถามว่าแล้วคนที่ให้มาคือใคร เขาบอกตำรวจห้องวิทยุข้างบนให้เบอร์มา จึงเดินขึ้นไปห้องข้างบนเพื่อสอบถาม แต่ก็ได้รับคำตอบว่าไม่รู้เหมือนกัน เหมือนตำรวจ 2 กลุ่ม ต่างโยนความผิดให้กัน จากนั้นแจ้งความ ตำรวจบอกว่า ให้รออีก 1 เดือน จะทำคดีให้ จากนั้นขอภาพจากกล้องวงจรปิด ขณะที่ตำรวจนำเบอร์โทรศัพท์มาให้บนโรงพัก แต่รออยู่นานหลายชั่วโมง สุดท้ายรอไม่ไหวกลับบ้าน และขอไลน์ตำรวจเอาไว้ เพื่อให้เขาส่งภาพมาให้ ซึ่งเขาก็ส่งภาพมาให้ แต่ไม่มีภาพตอนที่ตำรวจเดินเอาเบอร์โทรศัพท์มาให้
ตอนนี้ครอบครัวรู้สึกแย่มาก อยากฝากถึงคนที่เอาเงินไป ถ้ามีสามัญสำนึกก็เอาเงินมาคืน ตนมีค่าใช้จ่าย มีภาระเหมือนกัน ทำแบบนี้มันซ้ำเติมกันเกินไป