แก๊งทรชนร่วมปล้น 3.4 ล้าน ถูกตามรวบตัวได้แล้ว 4 คน ส่วน “เสือปุ่น” และลูกสมุนอีก 2 คน ตัวการสำคัญในคดี ยังหลบหนีการจับกุม ไม่มีท่าทีขอมอบตัว
วันนี้ ( 2 ก.ค.68) ความคืบหน้าคดีแก๊งทรชนปล้น 3.4 ล้าน ล่าสุดเมื่อเวลา 15:51 น. ตำรวจสืบนครบาลคุมตัวนายนนทวัฒน์ หรือสอง อายุ 28 ปี 1 ในผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ ที่ถูกตำรวจสามารถจับกุมได้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ขณะพยายามปีนหลังคาบ้านหลบหนี แต่พลาดท่าพลัดตก ถูกกระเบื้องบาด ได้รับบาดเจ็บ ในพักย่านนนทบุรี และถูกนำตัวออกจากโรงพยาบาลพระนั่งเกล้ามายัง สน.พหลโยธิน โดยนายสอง อยู่ในสภาพได้รับบาดเจ็บแขนขวาหัก แขนซ้ายและข้อเท้าขวามีบาดแผล แต่งกายด้วยเสื้อลายสก๊อต กางเกงขาสั้นสีน้ำตาล คลุมผ้าสีแดง มีรายงานว่านายสองมีอาการบาดเจ็บที่ปากและใบหน้าด้วย
ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนายสอง ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่ามีหน้าที่อะไร และทราบหรือไม่ว่าจะไปก่อเหตุปล้น นายสองไม่ตอบคำถามอะไร เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่ารับทราบถึงแผนปล้นครั้งนี้หรือไม่ นายสองส่ายหัวปฏิเสธ ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า ในวันนั้นมีอาวุธปืนไปก่อเหตุด้วยหรือไม่ นายสองก็ส่ายหัวปฏิเสธ ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามต่อไปว่า เพราะเหตุใดถึงคิดที่จะปีนหลังคาเพื่อหลบหนีการจับกุม รวมทั้งตัวนายสองเองได้รับส่วนแบ่งจากการก่อเหตุครั้งนี้หรือไม่และรู้จักกับพวกเสือปุ่นได้อย่างไร นายสองไม่ตอบคำถามอะไร ก่อนถูกนำตัวเข้าห้องสอบสวน
ด้าน พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (สืบนครบาล) ซึ่งเดินทางมาที่ สน.พหลโยธิน เปิดเผยว่า ผู้ต้องหา 2 คน ที่จับกุมล่าสุด เปิดเผยข้อมูลเบื้องต้น โดยยอมรับว่าในวันก่อเหตุ ได้เดินทางไปด้วย ส่วนรายละเอียดว่าต่างคนต่างทำหน้าที่ ซึ่งต้องดำเนินการสอบปากคำอย่างละเอียดต่อไป และน่าจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง โดยผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองบัญชาการตำรวจนครบาลในวันพรุ่งนี้
สำหรับคดีแก๊งทรชน ร่วมปล้น 3.4 ล้าน บาท ขณะนี้ตำรวจสามารถได้ผู้ต้องหา ได้แล้ว 4 คน ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 3 คน คือ นายวรวัฒน์ หรือปุ่น หรือเสือปุ่น ตัวการในคดี ,นายบอล และนายรุ่งนิรันดร์ หรือโบ้ ยังอยู่ในระหว่างการหลบหนี และไม่มีการประสานขอเข้ามอบตัว ทางเจ้าหน้าที่กำลังเร่งไล่ล่าติดตามตัวมาดำเนินคดี
ส่วนรถของกลาง ที่แก๊งคนร้ายใช้ก่อเหตุ ถูกนำมาไว้ที่ สน.พหลโยธิน เพื่อยึดอายัดเป็นของกลาง และตรวจสอบรายละเอียด โดยเฉพาะลายนิ้วมือแฝงประกอบสำนวน ซึ่งพบว่ารถคันดังกล่าวถูกถอดแผ่นป้ายทะเบียน และนำไปซุกซ่อนทิ้งไว้ที่ย่านนนทบุรี เพื่อปิดบังอำพรางไม่ให้ถูกตรวจจับได้
