เช้านี้ที่หมอชิต - จากเหตุการณ์น้ำท่วม สิ่งที่ต้องเฝ้าระวังและดูแลต่อเนื่องอีกมิติ คือ ด้านจิตใจ ซึ่งพบว่าตั้งแต่เกิดเหตุนี้ก็มีผู้ที่ตกอยู่ในภาวะเครียด เสี่ยงฆ่าตัวตายแล้วถึง 13 คน
น้ำท่วม ประชาชนเครียด-เสี่ยงฆ่าตัวตายถึง 13 คน
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังประชุมทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต ของกรมสุขภาพจิต ว่า ตั้งแต่ 16 สิงหาคม - 13 กันยายนที่ผ่านมา ได้ประเมินสุขภาพจิตของผู้ประสบภัยน้ำท่วมแล้วกว่า 21,000 คน พบว่ามีประชาชนที่ตกอยู่ในภาวะเครียดสูงถึง 521 คน เสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้า 73 คน และ เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายถึง 13 คน ซึ่งก็ได้ส่งทีมจิตแพทย์เข้าดูแลติดตามอาการอย่างใกล้ชิดแล้ว
ส่วนการบริหารจัดการดูแลประชาชน ก็แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มจังหวัดรอรับน้ำโขง เช่น นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และ อุบลราชธานี ซึ่งได้ให้เตรียมยาและเวชภัณฑ์ สำรวจกลุ่มเปราะบาง และเตรียมแผนเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแล้ว
ส่วนจังหวัดกลุ่มระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นแล้ว เช่น เลย หนองคาย บึงกาฬ ก็ได้ให้เตรียมแผนป้องกันสถานบริการพยาบาลไม่ให้น้ำท่วม เพื่อให้การบริการผู้ป่วยและประชาชนไม่ติดขัด พร้อมส่งทีมแพทย์ไปดูแลผู้ป่วยที่ไม่สามารถมาหาหมอเองได้แล้ว
ขณะที่ จังหวัดพื้นที่สถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายแล้ว เช่น จังหวัดเชียงราย และ เชียงใหม่ ก็ให้ทีมแพทย์และประชาชนเฝ้าระวังโรคมากับน้ำ เช่น โรคฉี่หนู และ โรคไข้ดิน เป็นต้น
กรมสุขภาพจิต แนะวิธีรับมือหลังน้ำลด
ด้าน นายแพทย์ วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกรมสุขภาพจิต ก็แนะนำวิธีสังเกตสภาพจิตใจตัวเอง ถ้ามีอาการเหล่านี้ อาทิ สับสน อยากแยกตัว คิดหรือนึกถึงเหตุการณ์น้ำท่วมซ้ำ ๆ และหลีกเลี่ยงการพบปะผู้คน หรือรู้สึกตื่นกลัวเกินเหตุ หรือรู้สึกเศร้า ร้องไห้บ่อย ดื่มสุราหรือสูบบุหรี่จัด หรือ ใช้สารเสพติด ก็เสี่ยงอาจจะมีปัญหาด้านสุขภาพจิต ควรพบจิตแพทย์ทันที
