รวบ “เพ็ชร คูคต” บัญชีม้าให้มิจฉาชีพแฝงเข้ากลุ่มไลน์หมู่บ้าน หลอกขายน้ำมันพืช ปากแข็งปฏิเสธไม่ได้ทำผิด แต่มีเงินเข้าสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง หักค่าดำเนินการ บัญชีจะออกไปกดเงิน
สืบนครบาลจับบัญชีม้า (19 ก.ย.67) เพ็ชร คูคต รับจ้างเปิดบัญชีม้าให้มิจฉาชีพแฝงตัวเข้าไลน์กลุ่มหมู่บ้านย่านคูคต หลอกขายน้ำมันพืช โดยคดีนี้เหตุเกิดเมื่อช่วงกลางเดือน มี.ค.66 ผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่ สน.คันนายาว ว่าถูกคนร้ายใช้ชื่อบัญชีแอปพลิเคชันไลน์ชื่อ “ ศิริพร” หลอกให้ผู้เสียหายสั่งซื้อน้ำมันพืชในไลน์กลุ่มของหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านคู้บอน เมื่อโอนเงินค่าสินค้า ไปเข้าบัญชีธนาคารชื่อบัญชี นายเจษฎา (ผู้ต้องหา) ก็ไม่ได้รับการติดต่อหรือส่งมอบสินค้าตามที่สั่งจากผู้ใช้บัญชีไลน์ กระทั่งทราบข่าวจากเพื่อนบ้านในหมู่บ้าน ซึ่งแจ้งเตือนเข้ามาในไลน์กลุ่มของหมู่บ้านว่าผู้ใช้บัญชีไลน์ดังกล่าว เป็นมิจฉาชีพแอบอ้างนำข้อมูลบ้านเลขที่ของเพื่อนบ้าน ไปใช้หลอกขายสินค้า อาจมีเพื่อนบ้านและประชาชนอีกหลายรายหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อ
วานนี้ (18 ก.ย.67) ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ได้จับกุมตัวนายเจษฎา อายุ 24 ปี ตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ในชั้นจับกุมนายเจษฎาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา บอกเพียงว่า เรียนจบ กศน. ปัจจุบันยังไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง จึงทำอาชีพขายกัญชา มีลูกค้าเป็นรุ่นพี่ ชื่อนายพรประสิทธิ์ (ไม่ทราบนามสกุล) มาซื้อกัญชาแล้วขอเลขบัญชีธนาคาร ไปโอนเงินจ่ายค่ากัญชา ต่อมาก็มีเงินเข้ามาในบัญชีธนาคาร สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ครั้งละประมาณ 3,500- 5,000 บาท
เมื่อมีเงินเข้ามาในบัญชี นายพรประสิทธิ์จะโทรศัพท์มาบอกให้ออกไปถอนเงิน แล้วนำเงินสดไปให้โดยจะหักค่าดำเนินการให้ครั้งละ 800 - 1,000 บาท ต่อมาทราบว่านายพรประสิทธิ์ถูกจับกุมตัวไป จากนั้นก็มีหมายเรียกส่งมาที่บ้าน แต่ตนไม่กล้าไปพบตำรวจ เพราะตนมีคดีอาวุธปืน ซึ่งอยู่ระหว่างอุทธรณ์ จึงได้หลบซ่อนตัวภายในบ้าน จนมาถูกจับกุมตัวตามหมายจับ
จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่า นายเจษฎาหรือเพ็ชร มีประวัติถูกดำเนินคดีอาวุธปืน ในท้องที่ สภ.ธัญบุรี กับคดีฉ้อโกง ในท้องที่ สน.คันยายาว
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ แจ้งเตือนภัยว่า ปัจจุบัน มิจฉาชีพมีเล่ห์เหลี่ยมกลโกงมากมายหลายรูปแบบ ขอให้ประชาชนอย่าหลง และระวังการถูกหลอกให้เปิดบัญชีม้า อย่าให้บัญชีธนาคารหรือเปิดบัญชีให้บุคคลอื่นนำไปใช้เด็ดขาดเนื่องจากอาจเป็นช่องทางให้คนร้ายนำบัญชีไปใช้ในการก่ออาชญากรรม ที่มีอัตราโทษหนัก คือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (บัญชีม้า) นอกจากนี้ ผู้เป็นธุระจัดหา จ้างผู้อื่นมาเปิดบัญชีม้าก็มีโทษหนักเช่นเดียวกัน คือ จำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
