(24 ก.ย.67) ความคืบหน้ากรณีบ้านใน ตำบลริมใต้ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ถูกน้ำในลำน้ำแม่สาที่เพิ่มสูงขึ้นจากน้ำป่ากัดเซาะตลิ่ง ทำให้บ้านทรุดพังถล่มลงไปทั้งหลัง เมื่อช่วงเย็นวานนี้
ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมาเวลาประมาณ 01.00 น มีบ้านอีกหลังหนึ่งที่อยู่ติดกันซึ่ง เป็นบ้านของนางคำ อายุ 72 ปี ถูกน้ำกัดเซาะตลิ่งจนพังถล่มลงไปเพิ่มอีก 1 หลัง สร้างความตื่นตกใจให้กับชาวบ้านในบริเวณนี้
ส่วนนางคำ เจ้าของบ้าน ย้ายออกไปอยู่บ้านญาติตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากเห็นสถานการณ์ไม่ดี ทำให้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
เช้าวันนี้ นางมุกดา อายุ 65 ปี เจ้าของบ้านหลังแรกที่พังถล่มและ นางคำอายุ 72 ปี เจ้าของบ้านหลังที่ 2 เข้ามาดูความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบ้านของตัวเอง
นางคำ ถึงกับร้องไห้เสียใจกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น บอกว่า บ้านหลังนี้สร้างมา 10 ปี ที่ผ่านมาในฤดูฝนระดับน้ำในแม่น้ำแม่สาก็เพิ่มสูงขึ้นและไหลแรงตามฤดูกาล
ที่ผ่านมาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้มาช่วยเสริมความมั่นคงแข็งแรงให้กับตลิ่ง โดยใช้ท่อนไม้มาปักและวางแนวกระสอบทราย แต่ปีนี้กระแสน้ำมาแรงมาก จนซัดกระสอบทรายหายไปกับสายน้ำ และใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวัน น้ำกัดเซาะดินขอบตลิ่งจนทำให้บ้านทรุดตัว จากนี้คงไม่ซ่อม หรือ สร้างบ้านใหม่ในจุดเดิม เพราะกลัวอันตรายในปีต่อ ๆ ไป พร้อมกับขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้การช่วยเหลือ
ขณะที่นางมุกดา เจ้าของบ้านหลังแรก บอกว่าบ้านหลังนี้กู้เงินธนาคารประมาณ 500,000 บาท มาสร้าง แต่อาศัยอยู่ได้ประมาณ 4 ปี ก็มาพังเสียหายไปทั้งหมด วินาทีที่บ้านพังถล่มต่อหน้าต่อตาทำให้ถึงกับเข่าทรุดทำอะไรไม่ได้ และหลังจากนี้ก็คงจะหาเงินไปสร้างบ้านที่ใหม่ที่ไม่อยู่ติดแม่น้ำอีก
ด้านนายวัชระ เทพกัน นายอำเภอแม่ริมบอกว่า ได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายแล้ว ตามระเบียบราชการกรณีบ้านได้รับเสียหายทั้งหลังในเบื้องต้นจะสามารถให้เงินเยียวยาช่วยเหลือได้หลังละสูงสุด 49,500 บาท แต่ยอมรับว่าก็คงจะไม่เพียงพอกับความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งหลังจากนี้ทางอำเภอจะได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเพิ่มเติมต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจนถึงขณะนี้ระดับน้ำในแม่น้ำแม่สาซึ่งล้นท่วมบ้านเรือนประชาชนเป็นวงกว้างในอำเภอแม่ริมอย่างยังทรงตัวเนื่องจากมีฝนตกเมื่อคืนที่ผ่านมาเพิ่มเติม
