แก๊งต้มตุ๋น หลอกญาติผู้ต้องหาคดี “อุ้มฆ่าเสี่ยมาส” เรียกรับเงิน 100,000 บาท แลกปล่อยตัวผู้ถูกจับ

แก๊งต้มตุ๋น หลอกญาติผู้ต้องหาคดี “อุ้มฆ่าเสี่ยมาส” เรียกรับเงิน 100,000 บาท แลกปล่อยตัวผู้ถูกจับ

View icon 179
วันที่ 10 ต.ค. 2567 | 12.12 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
จับแก๊งอ้างเป็นตำรวจกองปราบ เรียกรับเงิน 100,000 บาท แลกปล่อยตัวผู้ถูกจับในคดี “อุ้มฆ่าเสี่ยมาส” พบประวัติก่อเหตุมามากกว่า 10 ครั้ง

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) จับกุม 1.นายกฤษณ์ฯอายุ 38 ปี  , 2.น.ส.วิจิตราฯ อายุ 31 ปี , 3.นางคูณฯ อายุ 70 ปี

สืบเนื่องจากเมื่อปลายเดือนกันยายน 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. ได้ทำการจับกุม นายสุทีปฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดี ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ ซึ่งเป็นคนสุดท้ายที่หลบหนีการจับกุม ในคดี “อุ้มฆ่าเสี่ยมาส” นำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.นาสัก จ.ชุมพร ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ระหว่างที่นายสุทีปฯ ถูกควบคุมตัว แก๊งคนร้ายทราบเรื่องดังกล่าว จึงได้ติดต่อไปยังผู้เสียหายซึ่งเป็นญาติของนายสุทีปฯ โดยอ้างว่าตนเองเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปราม สามารถช่วยเหลือทางคดี ให้ปล่อยตัวนายสุทีปฯ ได้ โดยแลกกับเงิน จำนวน 100,000 บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินให้กับคนร้ายตามที่คนร้ายบอก

ซึ่งต่อมาทราบว่าถูกหลอก จึงไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้กับ พนักงานสอบสวน สภ.กะปาง และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. ทราบเรื่องดังกล่าว จึงได้ร่วมกับ พนักงานสอบสวน สภ.กะปาง ทำการสืบสวนหาตัวแก๊งคนร้าย จนทราบว่าแก๊งคนร้ายที่ก่อเหตุคือ นายกฤษณ์ฯ กับพวก ที่ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหาย

จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของนายกฤษณ์ฯ พบว่าเคยก่อเหตุในลักษณะเดียวกันมาแล้ว 12 คดี (ก่อเหตุในหลายท้องที่ มีผู้เสียหายหลายราย) อีกทั้งยังพบว่าแก๊งคนรายนี้ เคยติดต่อไปยังญาติของผู้ต้องหาที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง จับกุมพร้อมของกลางเป็นยาบ้า จำนวน 13 ล้านเม็ด เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 โดยแก๊งคนร้ายหวังหลอกเอาเงินผู้เสียหาย แลกกับการปล่อยตัวผู้ต้องหาที่ถูกจับ เคราะห์ดีที่ครั้งนี้ยังไม่มีผู้เสียหายโอนเงินไป

พนักงานสอบสวน สภ.กะปาง ได้ขออนุมัติศาลจังหวัดทุ่งสง ออกหมายจับแก๊งคนร้าย และศาลจังหวัดทุ่งสงอนุมัติหมายจับแก๊งคนร้ายทั้ง 3 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. จึงได้สืบสวนติดตามจับกุม และสามารถจับกุม นายกฤษณ์ฯ กับนางคูณฯ (แม่ยายของนายกฤษณ์ฯ) ได้ที่ จ.อุบลราชธานี และนางวิจิตราฯ ซึ่งเป็นผู้ร่วมขบวนการ ได้ที่ จ.ระยอง นำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.กะปาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และจากการตรวจสอบนายกฤษณ์ฯ ยังพบว่ามีหมายจับศาลจังหวัดตาก ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” ติดตัว อีก 1 หมาย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง