ดีเอสไอ นำตัวผู้ต้องหาคดีแชร์ “ปลูกหม่อนแก้จน” ส่งพนักงานอัยการฟ้องศาล ฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
วันนี้ (11 ต.ค.67) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า วานนี้ (10 ต.ค.) พนักงานสอบสวนคดีพิเศษกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ได้นำตัว นางสกลภัทร ผู้ต้องหาที่ 11 คดีแชร์ลูกโซ่ “ปลูกหม่อนแก้จน” ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน อันเป็นความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และประมวลกฎหมายอาญา ไปส่งให้พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษที่ 13/2561 กรณี บริษัทเอกชน กับพวกรวม 12 คน ได้กระทำความผิด โดยทุจริตร่วมกันหลอกลวง โดยประกาศโฆษณาต่อประชาชนทั่วไปหรือบุคคลตั้งแต่สิบคนขึ้นไปว่า ผู้ต้องหากับพวกมีกิจการรับประชาชนทั่วไปให้เข้าร่วมลงทุนหรือให้กู้ยืมเงินกับบริษัท โดยกำหนดแผนการลงทุนในโครงการที่ 1 ซื้อขายเงินตราต่างประเทศ หรือโครงการปลูกหม่อนแก้จน หรือ ซื้อวัว คือ การรับฝากเงินลงทุนซื้อขายเงินตราต่างประเทศ ซึ่งมีตำแหน่งให้เลือกลงทุน 4 แพ็คเกจ ผู้สนใจต้องลงทุนขั้นต่ำในตำแหน่ง S เงินลงทุน 1,000 usd. (เหรียญสหรัฐ) เท่ากับ 38,000 บาท โดยจะได้รับเงินปันผล 6,426 บาท ทุก 15 วัน จำนวน 20 ครั้ง รวมเป็นเงิน 128,520 บาท
และโครงการที่ 2 ปลูกหม่อนมัลเบอร์รี่ คือ การลงทุนปลูกหม่อนมัลเบอร์รี่ สามารถสมัครเป็นสมาชิกได้โดยการลงทะเบียนปลูกในตำแหน่งต่าง ๆ 4 แพ็คเกจ ซึ่งลงทุนขั้นต่ำที่ ตำแหน่ง M1 เงินลงทุน 4,000 บาท ได้รับต้นหม่อนจำนวน 50 ต้น และจะได้ค่าแนะนำ มีการแนะนำสมาชิกมาลงทุนได้ ทำให้มีประชาชนหลงเชื่อ นำเงินมาเข้าร่วมลงทุนกับผู้ต้องหาเป็นจำนวนมาก แต่กลับไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่ตกลง มีผู้ได้รับความเสียหาย 200 คน รวมมูลค่าความเสียหายจำนวน 24,766,173.16 บาท ซึ่งพนักงานสอบสวนดีเอสไอสอบสวนเสร็จสิ้น และส่งสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษดังกล่าวไปยังพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษแล้ว เมื่อวันที่ 27 มี.ค.63
